แนวทางทำการตลาด

ตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา สภาวะโรคระบาดทำให้หลาย ๆ พฤติกรรมของคนไทยเปลี่ยนไป นั่นทำให้เหล่านักธุรกิจ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เอง ก็ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการเข้าหาลูกค้า เพื่อสร้างยอดขายด้วยเช่นกัน วันนี้เราจึงมีข้อมูลที่น่าสนใจจาก Google เกี่ยวกับเทรนด์ผู้บริโภคและแนวทางทำการตลาดสำหรับธุรกิจในปี 2023 มาฝากเจ้าของร้านค้าเทพกัน ซึ่งจะมีอะไรบ้าง ไปติดตามพร้อมกันค่ะ

รูปแบบพฤติกรรมผู้บริโภคจากข้อมูลของ Google ในปี 2022

พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เกิดขึ้นในปี 2022 ทาง Google ได้แบ่งข้อมูลออกมาเป็น 3 รูปแบบพฤติกรรม คือ 1. การค้นหาตัวตนที่แท้จริง 2. การค้นหาคุณค่า และ 3. การค้นหาความสุข

โดยหลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งโรคระบาดที่อยู่มายาวนานถึง 3 ปี ทำให้มุมมองการใช้ชีวิตของคนไทยเริ่มปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ความไม่แน่นอน หลายคนหันกลับมาให้ความสนใจกับความสุขในชีวิตมากขึ้น หันมาดูแลตัวเอง ให้รางวัลกับชีวิตทั้งในด้านการช้อปปิ้ง การกิน การท่องเที่ยว ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายในการใช้งานออนไลน์ควบคู่กับกิจกรรมออฟไลน์ และเพิ่มความใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลมากขึ้น รวมถึงการให้ความสำคัญกับวัฒนธรรม ความภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นเพิ่มขึ้นด้วย

นั่นจึงทำให้ Google มีคำแนะนำเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดที่ร้านค้าควรเลือกหยิบนำไปปรับใช้กับร้านค้าหรือธุรกิจของตัวเอง เพื่อให้สามารถวางแผนการตลาด เข้าถึงลูกค้าได้ตรงกลุ่ม และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างน่าประทับใจในปี 2023 ดังนี้

6 แนวทางทำการตลาดปี 2023 ตามคำแนะนำของ Google

1. ทำการตลาดแบบไม่แบ่งแยก (Inclusive Marketing) โดยร้านค้าต้องมองผู้บริโภคทุกคนให้หลากหลายมิติมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการเหมารวมและการมองรายละเอียดส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ อายุ หรือรูปร่างหน้าตา ไม่นำเอากฏเกณฑ์ใด ๆ มาเป็นตัวกำหนดความชอบของผู้บริโภค

80% ของกลุ่ม Gen Z ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยอมจ่ายเพิ่มขึ้นให้กับผลิตภัณฑ์ หากแบรนด์นั้นให้การสนับสนุนในประเด็นปัญหาที่เขาสนใจ

2. คิดนอกกรอบการค้นหา ปัจจุบันเทคโนโลยีการค้นหามีหลากหลายเครื่องมือเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค ทั้งการค้นหาผ่านข้อความ เสียง หรือรูปภาพ ดังนั้นร้านค้าจึงควรให้ความสำคัญกับทุก ๆ จุดไม่ว่าจะเป็นการใช้คำคีย์เวิร์ดในตัวสินค้า หรือการมีรูปภาพสินค้าที่สวยงาม ดึงดูดความสนใจ ที่จะช่วยยกระดับให้ร้านค้าของคุณมีโอกาสตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น

3. เสนอคุณค่าที่สอดคล้องกับความคาดหวังของลูกค้า คุณภาพของสินค้า ความเหมาะของราคา ความน่าเชื่อถือ และการส่งเสริมความยั่งยืน คือสิ่งที่ช่วยสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์หรือร้านค้า และดึงดูดผู้บริโภคที่มีศักยภาพมาจากร้านค้าอื่น ๆ ได้

4. ใช้โฆษณาที่มีเทคโนโลยี AI ในการตอบสนองเทรนด์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ร้านค้าสามารถหาความสมดุลในการใช้กลยุทธ์เดิมที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีกับการทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาช่วยให้การตอบสนองการเข้าถึงลูกค้า เช่น การลงโฆษณาแบบ Value-bassed Bidding ร่วมกับ Broad Match ที่ช่วยให้ร้านค้าเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้นเมื่อมีการค้นหาคีย์เวิร์ดใหม่ ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

80% ของผู้ลงโฆษณา Google ทั่วโลกในขณะนี้ใช้ Automate Bidding เพื่อปลดล็อคศักยภาพที่แท้จริงของ Search

5. ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแบบเรียลไทม์ ร้านค้าสามารถใช้ประโยชน์จากหน้าค้นหาข้อมูลเชิงลึกของ Google Ads ดูความต้องการที่เปลี่ยนไปหรือเกิดขึ้นใหม่ของผู้บริโภค เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบเรียลไทม์ได้

6. ตีกรอบโลกออนไลน์กับออฟไลน์ใหม่ เพื่อเข้าถึงนักช้อปในทุก ๆ ที่ ร้านค้าควรให้ความสำคัญกับการทำการตลาดแบบ Omnichannel เพื่อสร้างประสบการณ์ซื้อ-ขายแบบไร้รอยต่อให้ลูกกค้ารู้สึกเข้าถึงทางร้านได้ง่ายขึ้น และสามารถใช้แคมเปญ Performance Max ในการโปรโมทสินค้าหรือบริการในช่องทางต่างและพื้นที่โฆษณาต่าง ๆ ของ Google เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้าได้มากกว่าที่เคย

Across_Google_channels - Performance Max - แนวทางทำการตลาด 2023
[พื้นที่การแสดงโฆษณา Performance Max]

และนี่ก็เป็นแนวทางการทำการตลาดในปี 2023 จากข้อมูลการวิเคราะห์ของ Google ที่เรานำฝากกันค่ะ ซึ่งจะเห็นได้ว่า มีเครื่องมือหลายตัวที่ร้านค้าสามารถหยิบมาใช้เป็นตัวช่วยในการทำการตลาดได้มากมายเลยทีเดียว ทั้งระบบ Serach, การลงโฆษณาบน Google รวมถึงการทำ Omnichannel Marketing ที่เป็นหนึ่งในเทรนด์อีคอมเมิร์ซที่น่าจับตามองในปีนี้ แต่อย่างไร ก็อย่าลืมเลือกใช้กันตามความเหมาะสมกับสินค้าและบริการของตัวเองกันด้วยนะคะ

แหล่งข้อมูล