เข้าสู่ศักราชใหม่ ก็จะขอมา Recap ข้อมูล 10 อันดับฟีเจอร์น่าสนใจที่ร้านค้าออนไลน์ใช้งานกันเยอะสุด ๆ ในปี 2023 ที่ผ่านมาให้เจ้าของร้านค้าเทพได้รู้กัน! จะมีเครื่องมือไหนบ้างที่เราก็ใช้อยู่ หรือเครื่องมือไหนที่เรายังไม่เคยได้ลอง วันนี้ติดตามกันไปยาว ๆ เลยจ้า
Recap การซื้อ-ขายออนไลน์ในปี 2023
เรียกได้ว่า ในปี 2023 การซื้อขายออนไลน์ถือว่าดุเดือดเลือดพล่านกันไม่น้อยเลย จากมุมมองของผู้บริโภคอย่าง Dekluan ก็จะสังเกตเห็นได้ว่าทุก ๆ แพลตฟอร์มออนไลน์ ต่างเสนอโปรโมชั่นเด็ดมาแข่งกันทุกช่วงเทศกาล ส่วนร้านค้าเล็ก ๆ ก็จัดเต็มเรื่อง Live ทั้งวันทั้งคืน ขยันกันสุด ๆ และอีกหนึ่งเทรนด์ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้คือการทำ Affiliate ในช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะใน TikTok ที่เลื่อนไปกี่คลิป ๆ ก็จะเจอกับคลิปติดตะกร้า แต่ว่าไม่ได้นะ เพราะการทำคลิปติดตะกร้า ก็ป้ายยาลูกค้าอย่างเราได้จริง ๆ
ตัดภาพมาที่ LnwShop ในฐานะผู้ให้บริการระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ เราเองก็มีข้อมูลที่อยากจะนำมาแชร์ เพื่อเป็นแนวทางให้ร้านค้าได้เลือกใช้ฟีเจอร์หรือเครื่องมือช่วยแบ่งเบาภาระการทำงาน จากออเดอร์ลูกค้าที่ล้นทะลักเข้ามากันไม่หยุด โดยข้อมูลที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้ Base on มาจากการซื้อบริการและใช้งานจริงของร้านค้าเทพ แต่ละเครื่องมือจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันค่ะ
10 อันดับฟีเจอร์สุดเจ๋ง ที่ร้านค้าออนไลน์ใช้งานกันเยอะสุด ๆ ในปี 2023
1. SSL (Secure Socket Layer)
เริ่มกันที่ฟีเจอร์ที่ร้านค้าออนไลน์ใช้งานเยอะที่สุดในปีนี้ อย่าง “SSL” หรือ Secure Socket Layer มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยในการรับส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยเข้ารหัสข้อมูล เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลสำคัญ อย่างข้อมูลการชำระเงินบนออนไลน์ เป็นต้น ซึ่งเมื่อก่อนมักจะใช้งานกันบนเว็บไซต์ของธนาคาร
แต่ปัจจุบันไม่ใช่แค่เว็บไซต์ธนาคารที่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ เพราะเว็บไซต์ขายของออนไลน์ ก็ทำได้เช่นกัน ดังนั้นการมี SSL จึงเป็นสิ่งที่ลูกค้า และ Search Engine อย่าง Google ให้ความสำคัญมาก จนในปัจจุบันก็เรียกได้ว่า การมี SSL ถือเป็นมาตรฐานของเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ที่จะสร้างความมั่นใจในการซื้อ-ขายให้กับลูกค้า
และนอกจากนี้ การมี SSL ยังเป็นอีกนึงปัจจัยการจัดอันดับการค้นหาบน Google ด้วย เวลาที่ลูกค้าค้นหาสินค้า ก็มักจะเจอกับเว็บไซต์ที่ใช้งาน SSL (https://) ก่อนเสมอ และอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ SSL ยังเป็นเงื่อนไขในการลงโฆษณาสินค้าบน Google ด้วย ถ้าไม่มี… ลงโฆษณาไม่ได้นะจ๊ะ
2. Domain Name ชื่อเว็บไซต์ร้านค้า
ต่อมากับ “ชื่อเว็บไซต์ร้านค้า” สิ่งที่ควรค่าแก่การมีที่สุด! เพราะชื่อเว็บไซต์ เป็นเสมือนสมบัติชิ้นเดียวของเราในโลกออนไลน์ ที่ไม่ว่าจะไปเปิดที่ Browser ไหนลูกค้าก็จะยังสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของเราได้ตลอดเวลา ไม่ยึดติดกับแพลตฟอร์มใด ๆ ทั้งสิ้น
ข้อดีของการมีชื่อเว็บไซต์ คือ ตั้งได้เองเป็นเอกลักษณ์, ง่ายต่อการจดจำ, น่าเชื่อถือ ดูเป็นมืออาชีพ, ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำได้ตลอด 24 ชั่วโมง และช่วยให้ติดอันดับการค้นหาบน Google ได้ดีขึ้น
3. ระบบพิมพ์เอกสาร
มาถึงระบบที่เชื่อว่าทุกร้านค้าต้องมี! นั่นคือ “ระบบพิมพ์เอกสาร” ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ร้านค้าสามารถจัดเตรียมสินค้า พัสดุ แพ็คส่งของได้ง่ายขึ้น
ไม่ต้องเสียเวลาเขียนชื่อ-ที่อยู่ลูกค้าเอง, เลือกขนาดกระดาษที่ต้องการพิมพ์ได้ บางระบบสามารถออกบาร์โค้ดพัสดุล่วงหน้า, ใช้งานร่วมกับปริ๊นเตอร์พกพา, เชื่อมต่อการทำงานกับระบบหลังร้าน และยังสามารถตั้งค่าแพทเทิร์นการพิมพ์ในระบบ ให้สามารถใช้งานกับการพิมพ์ในครั้งถัด ๆ ไปได้ด้วย
ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าเล็ก ๆ หรือร้านค้าขนาดใหญ่ ระบบพิมพ์เอกสารก็ดูตอบโจทย์การทำงานมาก ๆ เลยล่ะค่ะ :)
4. Slide Show ตกแต่งร้านค้า
ขายของบนเว็บไซต์ เรื่องของการตกแต่งก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะมองข้ามไปไม่ได้ และในปีที่ผ่านมา “Slide Show” ก็ถือได้ว่าเป็นไอเท็มยอดฮิตที่ร้านค้าออนไลน์เลือกนำมาตกแต่งเว็บไซต์
ด้วยลูกเล่นที่ดึงดูดสายตา เลื่อนแสดงภาพเรียงต่อกันเพื่อให้เคลื่อนไหว ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ โดยร้านค้านิยมนำ Slide Show มาใช้เป็นแบนเนอร์โปรโมทร้านค้า, แนะนำสินค้าใหม่, หรือแจ้งโปรโมชั่นเด็ด เป็นต้น
5. Pop Up Banner แจ้งข่าวสาร
ถัดมากับแบนเนอร์แจ้งข่าวสาร สิทธิพิเศษ หรือข้อมูลสำคัญ อย่าง “Pop Up” ที่หลาย ๆ คนมักจะตั้งค่าให้แสดงเป็นข้อมูลแรกเมื่อลูกค้าเข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ หรือถ้าในเว็บข่าว เว็บบล็อกต่าง ๆ ก็อาจจะได้เห็นป๊อปอัปแสดงขึ้นมาระหว่างที่กำลังอ่านข่าวหรือบทความอยู่
ส่วนใหญ่พวกป๊อปอัปแบนเนอร์นี้ จะนิยมใช้ในการแจ้งข่าวสารสำคัญ เช่น แจ้งวันหยุดร้านค้า, วันหยุดขนส่ง, ประกาศฉุกเฉิน หรือแจ้งโปรโมชั่น, แจกคูปองส่วนลด นอกจากนี้ป๊อปอัปแบนเนอร์ ยังเป็นอีกนึงในรูปแบบการโฆษณาบนเว็บไซต์ที่เรามักจะพบเห็นกันอยู่บ่อย ๆ ด้วย สรุปก็คือ ป๊อปอัปแบนเนอร์สามารถเลือกใช้ได้ตามเป้าหมายของร้านค้า ที่ต้องการสื่อสารไปถึงลูกค้านั่นแหละนะ
6. เชื่อมต่อ Marketplace & Social Commerce
ไม่พูดถึงไม่ได้เลย กับเรื่องของช่องทางการขายต่าง ๆ อย่างที่ทราบกันดีว่า ตอนนี้ขายของทางเดียวไม่พอ เพราะลูกค้ามีอยู่ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada, TikTok, Line, Facebook, IG, Google หรือช่องทางอื่น ๆ เพราะฉะนั้น ร้านค้าออนไลน์อย่างเราก็ต้องมีร้านค้าอยู่ในทุกที่ ทุกแพลตฟอร์ม แต่ปัญหาของการขายหลายที่คือ การจัดการที่ยุ่งยาก!
นั่นจึงทำให้ในปีที่ผ่านมา ระบบที่ช่วยเชื่อมต่อช่องทางการขายให้จัดการได้ง่ายในที่เดียว จึงกลายเป็นที่ต้องการของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์อย่างมาก
ข้อดีของการใช้งานระบบเชื่อมช่องทางขาย
- ลงสินค้าที่เดียว Sync ไปช่องทางอื่น ๆ ได้อัตโนมัติ
- แก้ไข เพิ่ม ลบสินค้า ทำที่เดียวได้เลย
- ตัด-คืนสต๊อกทุกช่องทางอัตโนมัติ ไม่ต้องคำนวณเอง
- รวมออเดอร์ไว้ในที่เดียว ทำให้เห็นภาพรวมการขายในแต่ละช่องทางได้ชัดเจนขึ้น
7. Coupon ส่วนลด
อีกหนึ่งอาวุธเด็ดที่ถูกเลือกนำมาใช้ตลอดปีที่ผ่านมาคือ “คูปอง” ส่วนลดต่าง ๆ ที่จำกัดเวลาในการใช้ จำกัดจำนวนและเวลาในการกด ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามามีส่วนร่วมได้ดีมาก ๆ
เพราะหากกดได้ ใช้ทัน ก็จะเพิ่มความรู้สึกพิเศษ และคุ้มค่าในการซื้อสินค้าให้กับลูกค้ามากขึ้น และเป็นแรงจูงใจในการติดตามร้านค้า และเฝ้ารอคูปองพิเศษนี้เรื่อย ๆ และอีกหนึ่งรูปแบบการใช้งานที่มาแรง คือการแจกคูปองใน Live ไม่ว่าจะในช่องทางไหน ก็มีลูกค้าเข้าไปร่วมกด และร่วมซื้ออยู่ตลอดเวลา ช่วยกระตุ้นยอดขายให้ร้านค้า และเพิ่มความรู้สึกดี ๆ ให้ลูกค้าที่กดได้อยากสั่งซื้อและช้อปปิ้งผ่านไลฟ์กันมากขึ้น
8. Promotion
เครื่องมือส่งเสริมการตลาดที่ได้ผลดีมาตลอดคงหนีไม่พ้น “การจัดโปรโมชั่น” กระตุ้นยอดขาย เพราะทำได้ง่าย ทำได้ทุก SALE และทำได้ตลอดทั้งปี จุดเด่นของการจัดโปรโมชั่น คือการสร้างความรู้สึกพิเศษในช่วงระยะเวลาจำกัด และยังช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับสินค้าที่ขายไม่ออกได้ด้วย
ปัจจุบัน การจัดโปรโมชั่นมักสร้างยอดขายได้ดีสุด ๆ ในช่วงเทศกาล SALE ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Mid-Year SALE, Year-End SALE หรือ Mid-Month SALE ซึ่งถ้าเป็นในช่องทางออนไลน์ ก็จะมีช่วงวัน Double Day 11.11 / 12.12 ที่ร้านค้าจะพากันจัดโปรฉ่ำให้ลูกค้าได้เข้ามาช้อปอย่างจุใจนั่นเอง
9. Landing Page
อีกหนึ่งม้ามืดที่ไม่คิดว่าจะติดเข้ามาใน Top 10 ของเราก็คือ “Landing Page” หน้าเว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อบอกเล่าข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง เช่น แนะนำสินค้าใหม่ประจำเดือน, โปรโมชั่นประจำเดือน, แจ้งข้อมูลข่าวสาร หรือโฆษณาสินค้า ซึ่งจะขึ้นเป็นหน้าแรกของเว็บไซต์ เพื่อนำเสนอต่อลูกค้า
ประโยชน์ของ Landing Page คือจะช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้า, ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นจากรายละเอียดที่เราสรุปมาให้ หรือจากโปรโมชั่นที่เรานำเสนอ
10. ระบบหลายภาษา
ฟีเจอร์สุดท้ายที่เราจะแนะนำกันในวันนี้ นั่นคือ “ระบบหลายภาษา” แน่นอนว่าในยุคที่การขายออนไลน์สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ทั่วโลก การรองรับภาษาที่หลากหลายบนเว็บไซต์ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งพิเศษที่สร้างจุดเด่นให้กับร้านค้า
ยิ่งถ้าสินค้าของเราเป็นสินค้าที่ต่างชาติชอบอยู่แล้ว การมีหน้าเว็บที่รองรับภาษาไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ, จีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น หรืออื่น ๆ ก็จะยิ่งช่วยให้ลูกค้าต่างชาติ สามารถอ่านข้อมูลและตัดสินซื้อสินค้าของเราได้ง่ายขึ้น เพราะจากประสบการณ์ของร้านค้าเทพที่ Dekluan เคยมีโอกาสได้พูดคุย ต่างก็บอกว่าลูกค้าต่างชาติ เขาชอบซื้อสินค้าผ่านระบบมากกว่าการพูดคุยกับร้านค้า
ฉะนั้น หากใครมีแพลนที่จะเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ หรือมีลูกค้าต่างชาติแวะเวียนเข้ามาซื้อสินค้ากันอยู่แล้ว ก็แนะนำให้เพิ่มการรองรับด้านภาษาต่าง ๆ เข้าไป เพื่อจะได้เพิ่มโอกาสในการขายให้ร้านค้านะคะ :)
จบไปแล้วกับ 10 อันดับฟีเจอร์ยอดฮิตปี 2023 ที่เรารวบรวมมาให้ หวังว่า จะเป็นตัวเลือกให้ร้านค้าออนไลน์ ได้เลือกใช้งานตามกันนะคะ ยังไง ก็ขอให้ปี 2024 นี้เป็นปีที่ดีสำหรับการค้าขายของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทุก ๆ คน ขายดี เงินฉ่ำ ออเดอร์ปังทุกคนนะคะ ^^