ในปัจจุบัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การเพิ่มช่องทางในการขายนั้น เป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดในการเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ โดยอาศัยการทำให้สินค้าของตัวเอง ไปปรากฏอยู่บนทุกแพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมของผู้บริโภค หรือช่องทางที่ลูกค้าของคุณจับจ่ายใช้สอยกัน
ตั้งแต่ยุคที่สื่อโทรทัศน์ วิทยุเป็นที่นิยม หากสินค้าใดที่โฆษณาบนโทรทัศน์ ก็มีโอกาสมากที่ลูกค้าจะซื้อสินค้านั้น จนในปัจจุบันสื่ออินเทอร์เน็ตเริ่มมีอิทธิพลกับผู้บริโภค การขายสินค้าเริ่มนิยมบนเว็บไซต์ และก้าวเข้าสู่โซเชียลมีเดียต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter หรือช่องทางขายใหม่ ๆ ที่นิยมในทุกวันนี้ นั่นคือ Marketplace เช่น Shopee และ Lazada ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลผลสถิติพบว่า การขยายช่องทางการขาย มีโอกาสเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าได้สูงถึง 35 เท่าเลยทีเดียว
ปัญหาพาเพลีย เมื่อขายหลายช่องทาง
แน่นอนว่าเมื่อขยายหลายช่องทาง ระบบการทำงานก็จะมีมากขึ้น ซึ่งหลาย ๆ แบรนด์ก็อาจได้เจอกับความยากลำบาก และปัญหาที่ต้องเผชิญไม่ว่าจะเป็น
- การจัดการข้อมูลสต็อคสินค้า ที่ชวนสับสนในแต่ละช่องทาง
- การลงข้อมูลสินค้า หรือการอัพเดตสินค้าต่าง ๆ
- เสียเวลาเรื่องจัดการออเดอร์ในแต่ละช่องทาง
- อัพเดตข้อมูลออเดอร์กับลูกค้าในทุกช่องทาง อาจมีการตกหล่น ผิดพลาด
- การสรุปยอดขายสับสน วุ่นวาย บางออเดอร์เงินก็ไม่ตรง
ซึ่งปัญหาไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ยังมีปัญหาอีกมาก เช่น ออเดอร์ล้น เตรียมของให้ลูกค้าไม่ทัน หรือแม้แต่ผลิตออกมาไม่ทันกับการขาย ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพราะบริการเชื่อมต่อช่องทางขาย จะมาเป็นตัวช่วยในการจัดการร้านค้าของคุณในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งเจ้าระบบนี้มีความสามารถอะไรกันบ้าง ไปดูกันครับ
ลงสินค้าครั้งเดียวขายได้ทุกช่องทางขาย
พอกันทีกับการลงสินค้าใหม่หลายครั้ง หลายช่องทางที่คุณวางขายสินค้า ซึ่งระบบเชื่อมต่อนี้ จะช่วยให้ร้านค้าลงข้อมูลสินค้าจากช่องทางใดก็ได้ จากนั้นระบบสามารถส่งข้อมูลสินค้า ไปขายในช่องทางที่เหลือให้แบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Lazada หรือ Shopee รวมถึงการจัดการข้อมูลสินค้า ยังสามารถจัดการจากที่ LnwShop เป็นหลักได้เลยอีกด้วย
ทั้งนี้ ร้านค้าสามารถเลือกเปิด-ปิด การเชื่อมต่อข้อมูลบางอย่างได้ เช่น รูปภาพสินค้า ราคา หรือรายละเอียดสินค้า ให้มีความเหมือน หรือแตกต่างกันในแต่ละช่องทางตามความต้องการของร้านค้า
ข้อมูลสต็อคสินค้าอัพเดตตรงกันทุกช่องทาง แบบอัตโนมัติ
ร้านค้าไม่ต้องคอยเช็คสต๊อกสินค้าในทุก ๆ ช่องทาง และหมดกังวลเรื่องการสับสน กับจำนวนสินค้าที่จะต้องแพ็คเพื่อส่งให้ลูกค้า เพราะหากมีการเชื่อมต่อช่องทางขายแล้ว เมื่อมีรายการสั่งซื้อจากช่องทางที่เชื่อมต่อ ระบบจะส่งข้อมูลรายการสั่งซื้อนั้น มาที่ LnwShop และทำการตัดสต็อคสินค้าทุกที่ให้ตรงกันแบบอัตโนมัติ
ตรวจสอบทุกออเดอร์ในที่เดียว รวบรวมทุกยอดขายไว้ให้คุณ
ไม่เพียงแค่ข้อมูลสินค้าและสต็อก แต่บริการนี้ ยังสามารถอัพเดทรายการสั่งซื้อจากช่องทางการขาย ต่าง ๆ ให้คุณทราบได้อีกด้วย ซึ่งเมื่อมีออเดอร์เกิดขึ้นจากช่องทางที่เชื่อมต่อ รายการออเดอร์นั้น ๆ ก็จะถูกแสดงที่หลังร้านค้า LnwShop ด้วย โดยจะแสดงสถานะการจัดการออเดอร์ให้ร้านค้าได้ทราบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น การรอชำระเงิน, รอจัดส่ง, จัดส่งแล้ว หรือ ลูกค้ายกเลิก ช่วยให้คุณมั่นใจว่าจะไม่มีออเดอร์ไหนตกหล่นไปแน่นอน
Tip : หากร้านค้ามีการขายผ่านช่องทางอื่น ๆ เช่น หน้าร้าน, โทรศัพท์, Line หรือช่องแชทอื่น ร้านค้าสามารถสร้างรายการสั่งซื้อ หรือสร้างบิลออนไลน์ เพื่อทำการตัดสต็อกที่ระบบ และเป็นการเก็บข้อมูลรายการสั่งซื้อของลูกค้าไว้ที่หลังร้านค้า LnwShop โดยไม่จำกัดจำนวนออเดอร์ และสินค้า ได้ฟรีตั้งแต่ เปิดร้าน เลยนะครับ
บริการเชื่อมต่ออย่าง Shopee, Lazada และ Facebook Shop เหมาะกับใคร
- ร้านค้าที่ต้องการเพิ่มช่องทางขาย
หากคุณอยากขายสินค้าในช่องทางใหม่ ๆ แต่ยังมีความกังวลว่าจะจัดการไม่ไหว ไม่มีทีมทำงานมากขนาดนั้น ทั้งการลงสินค้า เช็คข้อมูลสต็อครายวัน ดูออเดอร์ในช่องทางต่าง ๆ ซึ่งหากร้านค้าทำการเชื่อมต่อช่องทางขาย ร้านค้าสามารถจัดการได้ครบ จบ ที่ LnwShop ที่เดียว ไม่ต้องใช้คนจำนวนมากเพื่อทำงาน - ร้านค้าที่เจอปัญหาจากการขายหลายช่องทาง
หากคุณขายสินค้าทั้งบน Marketplace และโซเชียลต่าง ๆ แล้วกำลังเจอกับปัญหาที่กล่าวไปข้างต้น ทั้งความลำบากในการลงสินค้าหลายที่ ไม่มีเวลาปรับสต๊อก ตรวจสอบยอดขายทุกช่องทางได้ค่อนข้างยาก บริการ Shopee, Lazada, Facebook Shop จะช่วยให้ร้านประหยัดเวลา ลดข้อผิดพลาดได้มากขึ้น สามารถดูข้อมูล และจัดการจากหลังบ้าน LnwShop ได้ที่เดียวจบ
จากที่กล่าวไปทั้งหมด จะเห็นได้ว่าการเชื่อมต่อช่องทางในการขายต่าง ๆ ช่วยให้การดูแลร้านค้าออนไลน์เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น อีกทั้งเพิ่มโอกาสในการทำยอดขายให้มากขึ้นอีกด้วย ยิ่งเชื่อมต่อมาก ก็ยิ่งมีโอกาสทำยอดขายได้มากขึ้น รู้อย่างนี้แล้ว ต้องรีบเชื่อมต่อช่องทางการขายไว้แล้ว