ช่วงปลายนี้แบบนี้ก็มักจะมี Trends ต่าง ๆ ของปีหน้าออกมาให้ได้ศึกษากัน แต่สำหรับบทความนี้ ขอข้ามคำว่า Trends แต่เน้นไปที่ “พื้นฐาน” สำหรับผู้ขายของออนไลน์ ที่จำเป็นต้องมีในปี 2018 ที่จะถึงนี้กันแทน หากคุณกำลังจะเริ่มขายของออนไลน์ หรือขายอยู่แล้วล่ะก็… ตามมาอ่านกันเลย!

  • 2018 ยุคนี้ ผู้ขายของออนไลน์ต้องมีเว็บ

ไม่ต้องถึง 2018 เราก็ต่างทราบกันดีว่า Social Media อันดับต้น ๆ ของโลกที่ขึ้นต้นด้วยตัว F กำลังลดปริมาณการเห็นข้อมูล หรือ Reach ลงไปอย่างมาก ในปี 2017 นี้ ว่ากันว่า ลด Reach ลงไปเหลือเพียง 1% เท่านั้น แล้วอย่างนี้ปี 2018 จะเหลือเท่าไหร่ล่ะเนี่ย!

ยิ่งกว่านั้น จะขายผ่าน Marketplace ไหนจะค่าใช้จ่าย ไหนจะคู่แข่ง ใครที่ไม่มีบ้าน (เว็บ) เป็นของตัวเองอยู่ยากแน่ค่ะ Sayreya ยังคงนั่งยันนอนยัน ไม่ว่าจะ 2018 หรือปีไหน ๆ การมีเว็บไซ์ตเป็นของตัวเองก็ยังจำเป็น แล้วจะขยายตลาด เพิ่มช่องทางการขายไปยังแหล่งอื่น ๆ ก็ไม่ว่ากัน แต่มีบ้านไว้ต้อนรับลูกค้าขาประจำ เป็นพื้นฐานที่ไม่ควรมองข้าม

Tip: ในทุกออเดอร์ที่ขายไปผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ผ่าน Marketplace ลองใส่นามบัตร ที่มี URL ร้านค้าของคุณลงไปในกล่องด้วยสิคะ :) เผื่อลูกค้าจะช้อปครั้งต่อไป จะได้เลือกช้อปผ่านเว็บคุณโดยตรงยังไงล่ะ!

แต่อย่าลืมนะคะ ว่าเว็บไซต์ในยุคนี้ต้องเป็น Responsive Website คือรองรับการเปิดได้จากทุกอุปกรณ์ด้วยนะ

  • Omni Channel ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกแล้ว

อย่างที่บอกค่ะ ว่ามีเว็บแล้ว จะเชื่อมต่อไปยังช่องทางการขายอื่น ๆ ด้วยก็ได้ ยิ่งถ้าเชื่อมทั้งออนไลน์ – ออฟไลน์ได้ไร้รอยต่อ หรือที่เขาเรียกกันว่า Omni Channel ได้ล่ะก็ ลูกค้าไม่หนีไปไหนแน่นอน ไม่แน่ว่าลูกค้าของคุณอาจจะเห็นโฆษณาร้านผ่านสื่อ Social แล้วจำไป Search หาเว็บไซต์ อยากจะแวะไปรับของที่หน้า แต่ขอจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต… ยุคนี้ อะไรก็เป็นไปได้ค่ะ

นอกจากคำว่า Omni Channel แล้ว บางคนอาจจะเคยได้ยิน “Single e-Commerce network” กันอยู่บ้าง การทำ e-Commerce ในยุคนี้ก็เห็นจะหนีไม่พ้นคำ ๆ นี้ซะทีเดียวค่ะ เพราะไม่ว่าคุณจะขายกี่ช่องทาง มีกี่พื้นที่การขาย ร้านของคุณต้องตัดสต็อกพร้อมกันได้ทันที เพื่อไม่ให้ข้อมูลผิดพลาด หรือกระทั่งจดจำลูกค้าได้ ไม่ว่าจะซื้อผ่านช่องทางไหน นั่นก็คือการทำให้เหมือนลูกค้าช้อปจากที่เดียวกันนั้นเองค่ะ

สำหรับการเชื่องโยงการขายแบบไร้รอยต่อด้วย Omnichannel Marketing  นั้น ระบบ QR Code ต่าง ๆ ล้วนเข้ามามีผลเป็นอย่างยิ่ง ทั้งในด้านการขาย หรือกระทั่งการชำระเงิน อย่างที่ตอนนี้หลากหลายแบงค์ รวมถึง LnwShop เองก็ได้ออกมาสนับสนุนสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) โดยใช้ QR Code เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงออฟไลน์ และออนไลน์เข้าด้วยกัน

  • ความปลอดภัยสำคัญที่สุด

ไม่ว่ายุคไหน ๆ ความสำคัญก็ต้องเป็นอับดับต้น ๆ โดยเฉพาะการซื้อขายของผ่านโลกออนไลน์ ที่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต่างไม่ได้เห็นหน้ากันก่อน ซึ่งความปลอดภัยในการขายของยุคนี้ยังรวมถึง การที่เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ควรต้องมีการเข้ารหัสข้อมูลด้วย SSL และ หากมีการใช้ตัวกลางรับชำระเงิน (Payment Gateway) เข้ามาช่วยรับเงินแทนร้านด้วย ก็ยิ่งดูปลอดภัย ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ร้านได้อีกมากเลยล่ะ

ถึงจะมีหน้าเว็บแล้ว แต่หากจะจัดแคมเปญทางการตลาด ไม่ว่าจะจัดโปรโมชั่นใหม่ เปิดตัวคอลเลกชั่นใหม ฯลฯ แล้วล่ะก็ การสร้าง Landin Page เฉพาะให้กับแคมเปญนั้น ๆ ก็เป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะจะช่วยให้เราส่งผู้ซื้อที่สนใจตามเป้าหมายของแคมเปญนั้น ๆ มาได้โดยตรง การสร้าง Landing Page จะช่วยให้เราลง Ads หรือ ทำ SEO ได้ง่ายขึ้นด้วยล่ะ ซึ่งการสร้าง Landing Page นี้ ก็ไม่ได้มีข้อตายตัวนะคะว่าต้องมีหน้าตาแบบไหน บางแคมเปญ อาจจะใช้แค่หน้าสินค้า เป็น Landinpage บางแคมเปญเป็นหน้าบทความ หรือภาพกราฟฟิคสวย ๆ หน้าใหม่เลยก็ได้

  • Product is King, Service is Key

ปิดท้ายกันด้วยพื้นฐานด้านสินค้าและการบริการ ซึ่งถือเป็นเรื่องพื้นฐานสุด ๆ ของการขายของออนไลน์ค่ะ ในปี 2018 ที่จะถึงนี้ตลาดออนไลน์น่าจะมีการแข่งขันกันดุเดือด ทั้งผู้เล่นรายใหม่ หน้าเก่า หรือกระทั้งรายใหญ่ก็ลงมาขายออนไลน์กันมากขึ้น ดังนั้นพื้นฐานความเข้าใจสินค้า และการให้บริการที่ดี ยังเป็นหัวใจของการขายที่ห้ามมองข้าม และยิ่งต้องลงลึกให้มากขึ้น เพื่อสร้างความแตกต่างจากตลาด

เรื่องสินค้าต้องรู้ให้ลึก เรื่องบริการต้องรับให้ได้กว้าง!

เรื่องสินค้า ต้องรู้ให้ลงลึก เข้าใจให้ถ่องแท้ ลูกค้าถามอะไรตอบได้ ตอบได้ไม่พอนะคะ ต้องให้คำแนะนำเพิ่มกับลูกค้าได้ด้วย และไม่ควรปิดบังข้อมูลสินค้าถึงแม้ว่าจะเป็นด้านที่ไม่ดีก็ตาม เพราะเดี๋ยวนี้ลูกค้าค้นหาข้อมูลได้ง่ายนิดเดียว การนำเสนอคอนเทนต์เกี่ยวกับสินค้าก็ต้องแตกต่าง และลงให้ลึก เดี๋ยวนี้ข้อมูลพื้น ๆ หาได้ทั่วไป ดังนั้นหากคุณอยากขายได้ ก็ต้องนำเสนอข้อมูลของสินค้าที่ไม่มีที่ไหนเหมือนให้ได้ ซึ่งนั่นอาจจะหมายถึงความแตกต่างของสินค้า ที่ควรจะต้องมีจุดเด่น ไม่ซ้ำกับใครด้วยนะคะ

และในยุค 2018 นี้ การนำเสนอข้อมูลสินค้าผ่านรูปแบบของ Video หรือภาพเคลื่อนไว ก็ยังช่วยให้สินค้าของคุณโดดเด่นขึ้นมาได้นะ!

Tip: ลองเปลี่ยนการลงโฆษณาด้วยภาพนิ่ง หรือ Video ทั่วไป เป็นภาพ Cinemagraph (ซิเนมากราฟ) จะทำให้ Ads ของคุณ ดึงดูความสนใจของลูกค้าได้มากขึ้น

ด้านการบริการ ก็ต้องรับ (ลูกค้า) ให้ได้กว้าง ไม่ว่าลูกค้าจะมารูปแบบไหน ก็เซอร์วิสได้หมด ถึงจะเจ๋ง ^^ ไม่ใช่ว่าลูกค้าคือพระเจ้าที่เราต้องเป็นทาสนะคะ แต่ต้องบริการให้ได้เหมือนเค้าเป็นเพื่อนของเรา ที่เราพร้อมจะดูแล และมอบความหวังดีให้กับเขา ยิ่งคุณบริการดีแค่ไหน ลูกค้าก็จะยิ่งประทับใจ โอกาสปิดการขายได้ก็จะยิ่งสูงขึ้น

ยิ่งหากคุณบริการได้ถึงขึ้น Personalization จดจำลูกค้าได้ทุกคน และบริการได้ตรงกับความต้องการที่คัดมาเฉพาะเค้าแล้วล่ะก็…ยอดขายมาตรึมแน่นอน

และทั้งหมดนี้ก็คือพื้นฐานของการทำ e-Commerce หรือขายของออนไลน์ในปี 2018 ค่ะ สำหรับเพื่อน ๆ ที่อ่านกันถึงตรงนี้แล้วมีความคิดเห็น “เหมือนหรือแตกต่าง” อย่างไร มาเล่าให้ฟังกันได้นะ… แล้วอย่าลืมเอาไปลองใช้กันดูนะคะ :)