กล่าวสวัสดีและยินดีต้อนรับสู่เดือนเมษายน เดือนที่ร้อนที่สุดแห่งปี แต่ปีนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะร้อนเลย ไม่รู้ว่าเพราะปรากฏการณ์เอลนิโย่หรือโลกาวิปริตอันใดทำให้อากาศไม่ยอมร้อนเสียที หรือว่าเพราะวันนี้เป็นวันโกหกแห่งเดือนเมษายนกันแน่??
เพื่อนๆหลายๆคนคงจะเคยได้ยินเกี่ยวกับเทศกาลวันโกหกแห่งเดือนเมษากันอยู่แล้วใช่ไหมครับ ว่าทุกวันที่ 1 เมษายนของทุกปีจะเป็นวันที่ทุกคนสามารถพูดโกหกต่อกันได้โดยไม่ถือโทษโกรธเคืองกัน ซึ่งเทศกาลวันโกหกนั้นเป็นวัฒนธรรมของชาวตะวันตกที่แพร่เข้ามาในบ้านเรา
เรามาดูกันดีกว่าว่าเทศกาลวันโกหก ที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า April Fools Day หรือวันเมษาของคนโง่นั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร…
…ในดินแดนยุโรปในสมัยก่อนนั้นมีประเพณีวันขึ้นปีใหม่ในช่วงวันที่ 25 มีนาคม ถึงวันที่ 1 เมษายน และถือว่า ทุกวันที่ 1 เมษายนของทุกปีเป็นวันขึ้นปีใหม่โดยสมบูรณ์ แต่ต่อมาในช่วงกลางของคริสต์ศตวรรตที่ 16 ได้มีการปรับเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 1 มกราคมอย่างที่ใช้ในปัจจุบัน โดยเริ่มจากประเทศฝรั่งเศษเป็นประเทศแรก แต่ในสมัยนั้นการสื่อสารยังไม่รวดเร็วทันใจ ไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ตอย่างสมัยเราๆ จึงยังมีผู้คนชนบทจำนวนมากที่ยังคงฉลองวันปีใหม่ในวันที่ 1 เมษายนอยู่ และเมื่อชาวเมืองไปเห็นเข้าว่าชาวบ้านนายังไม่เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ ก็กลายเป็นเรื่องตลกขบขัน หาว่าพวกชาวบ้านเหล่านั้นโง่เขลา และชาวบ้านทั้งหลายก็ไม่เชื่อว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงวันขึ้นปีใหม่ คิดว่าชาวเมืองมาโกหกพวกเขาเสียด้วย ดังนั้น April Fools Day จึงหมายถึงวันโกหกไปในตัว
ทีนี้เพื่อนๆทุกคนก็ทราบถึงความเป็นมาของวันโกหกแล้วใช่ไหมครับ แต่อย่างไรก็ดีแม้ว่าเราจะรับวัฒนธรรมวันโกหกนี้มาจากชาวต่างชาติ เราก็ต้องไม่ลืมวัฒนธรรมความเป็นไทยของเรานะครับ อย่าลืมว่าการโกหกเป็นสิ่งไม่ดี สร้างความเดือดร้อนแก่ทั้งแก่ตนเองและคนอื่นๆด้วย แม้ว่าการพูดโกหกในวันที่ 1 เมษายนจะเริ่มเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ในสังคมไทย อย่างไรก็ดีก็ขอฝากไว้ว่า การโกหกเรื่องเป็นเรื่องตายของคนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะในทวิตเตอร์เริ่มมีการพูดถึงการแจ้งข้อมูลที่โกหกแก่หน่วยงานต่างๆกันแล้ว อย่าทำให้หน่วยงานเหล่านั้นต้องแบกรับภาระเพิ่มเลยนะครับ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพสวยๆจาก lifestyle.siamxpress.com