เปิดร้านค้าออนไลน์มาก็นานแล้ว โปรโมตก็หลายที่ ลงทุนไปก็เยอะ แต่ทำไมไม่เห็นมีลูกค้าเข้าร้านสักเท่าไหร่เลย ?
ช่วงนี้หลายๆ ผู้ประกอบการ พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายเริ่มที่จะเอาเทคโนโลยี ร้านค้าออนไลน์ ร้านค้าสำเร็จรูป มาใช้กันมากขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางการขายอีกทางหนึ่ง แต่ยังไม่เข้าใจในการสร้างร้านค้าออนไลน์ และการใช้งานบนโลกอินเทอร์เน็ตสักเท่าไหร่ ดังตัวอย่างที่จะกล่าวในที่นี้ก็คือ การจัดหน้าร้านค้าออนไลน์
ถ้าจะเปรียบเทียบ การจัดหน้าร้านค้าออนไลน์ กับการจัดหน้าร้านค้าปกติ ก็แทบจะมีความคล้ายคลึงกัน โดยมีหลักเบื้องต้นดังนี้
- เลือกทำเลที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าของเรา
- การตกแต่งหน้าร้านให้น่าสนใจ
- การจัดแสดงสินค้าหน้าร้านที่โดดเด่น
- การใช้โปรโมชั่น และการป่าวประกาศ
เลือกทำเลที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าของเรา
ทำเลในโลกของออนไลน์ก็คือ การเลือกผู้ให้บริการเปิดร้านค้าออนไลน์ของคุณ ว่าเค้ามีแหล่งโปรโมตร้านค้าของคุณ หรือ Shopping Mall หรือไม่ อ่านเพิ่มเติมจาก เคล็ดลับขายดีบนโลกออนไลน์ หรือผู้ให้บริการของคุณเป็นบริการในกลุ่มเป้าหมายเดียวกับเราหรือไม่ เช่น หากคุณไปเปิดร้านค้ากับเว็บไซต์ให้บริการเว็บไซต์ส่วนตัว ผู้ชมที่ผ่านเข้ามาก็อาจจะไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายลูกค้าของเรา
การตกแต่งหน้าร้านให้น่าสนใจ
ตกแต่งหน้าร้านบนร้านค้าออนไลน์ให้ดูดี สวยงาม น่าเข้าไปดูสินค้า ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับธีม Theme หรือเทมเพลท Template ของร้านค้าคุณว่า มีสีสันที่น่าสนใจหรือไม่ เหมาะกับสินค้าของคุณหรือป่าว เช่นหากคุณขายของแฟชั่น น่ารัก กุ๊กกิ๊ก แต่ดันไปใช้สีดำ ทะมึน มันก็คงไม่มีกล้าเข้าร้านคุณแน่ นอกจากนั้นหากคุณสามารถปรับสี Theme ปรับเปลี่ยนรูปแบบร้านของคุณได้เอง จะยิ่งดีมาก เนื่องจาก ร้านค้าของคุณก็จะไม่ซ้ำกับร้านค้าออนไลน์อื่นๆ มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ทำให้ลูกค้าสามารถจดจำร้านค้าของคุณได้ง่าย ยกตัวอย่าง ร้านค้าที่เปลี่ยน Theme ได้ด้วยตนเอง เช่น lnwShop.com
ในร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่ จะต้องมีแบนเนอร์ Banner อยู่ด้านบนของร้านค้าเสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะสะดุดตาลูกค้าได้ดีที่สุด หากแบนเนอร์มีสีสันสะดุดตา สวยงาม และมีขนาดใหญ่ ก็จะยิ่งทำให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ในแบนเนอร์ก็ควรที่จะมีรูปสินค้าหรือโลโก้ Logo ของคุณให้เด่นที่สุด และมีข้อความสั้นๆ กระทัดรัดในการจูงใจลูกค้า
การจัดแสดงสินค้าหน้าร้านที่โดดเด่น
หากคุณมีสินค้ามากมายในร้านค้าของคุณ จำเป็นมากที่คุณจะต้องเลือกสินค้าที่เด่นที่สุดในร้านเพื่อออกมาโชว์ เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น เช่น ร้านค้าของคุณขายตุ๊กตาหมี คุณก็ควรเอาตุ๊กตาหมีที่คิดว่าขายดีที่สุดออกมาโชว์มากกว่าที่จะใช้ ตุ๊กตาสัตว์อื่นๆ เพื่อให้ลูกค้าได้สนใจกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งก่อนแล้วจึงนำพาลูกค้าไปหาสินค้าชิ้นอื่นๆที่เกี่ยวข้องกันได้
แต่ถ้าหากหน้าร้านของคุณเอาสินค้าหลากหลายชนิด มารวมอยู่ด้วยกันมากๆ ลูกค้าก็จะตัดสินใจลำบากในการเลือกสินค้าที่ต้องการ เพราะจะมึนไปกับสินค้าที่แตกต่างกันมากเกินไป ดังนั้นคุณต้องจัดการร้านค้าไม่ให้แสดงสินค้า “ทั้งหมด” ในหน้าแรก แต่ให้ใช้การแสดงสินค้าโปรโมชั่น หรือสินค้าขายดี หรือสินค้ามาใหม่ เพียงหมวดละ 5-10 ชิ้น ซึ่งการทำอย่างนี้ได้ ร้านค้าออนไลน์ของคุณก็ต้องรองรับระบบนี้ด้วยเช่นกัน
การใช้โปรโมชั่น และการป่าวประกาศ
นักช็อปปิ้งทุกคน คงอดใจไม่ได้ และต้องสะดุดกับคำว่า Sale หรือ Promotion แน่ ดังนั้นคุณจะต้องสร้างโปรโมชั่นที่น่าสนใจ ไม่ใช่เพียงแค่สร้างเพื่อเห็นว่ามีโปรโมชั่นเท่านั้น ต้องทำให้เห็นว่า ลดจริง แถมจริง ได้จริงด้วย แล้วนำโปรโมชั่นพวกนั้นหรือการส่งเสริมการขายอื่นๆมาติดอยู่บนหน้าร้านของคุณ ก็จะยิ่งทำให้หน้าร้านคุณน่าสนใจ น่าเข้ามากขึ้นไปอีก อ้อแล้วก็อย่าลืมเอาไปประกาศในเว็บอื่นๆ ที่ตรงกับเป้าหมายคุณเยอะๆ ด้วย