เคยสงสัยไหมที่ใครเขาพูดกันว่า ร้านค้าควรสร้างแบรนด์ ควรมีแบรนด์เป็นของตัวเองนั้นมันคืออะไร แล้วพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์อย่างเราจะสร้างแบรนด์ได้ยังไง? ทุกข้อสงสัยมีคำตอบ เพราะวันนี้เราจะมาบอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้กันค่ะ
แบรนด์ (Brand) และการสร้างแบรนด์คืออะไร
ก่อนจะไปถึงขั้นตอนหรือวิธีการสร้างแบรนด์ เรามาลองทำความรู้จักกับความหมายของมันก่อนดีกว่าค่ะ
แบรนด์ (Brand) ก็คือ ตัวตนของร้านค้าที่แสดงออกมาให้ผู้คนได้เห็น ได้จดจำ โดยไม่ใช่เพียงแค่ ชื่อ หรือโลโก้ แต่รวมไปถึงองค์ประกอบอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น สโลแกน, โทนสี, เสียงของแบรนด์, สินค้า, บริการ หรือเรื่องราวของแบรนด์
ซึ่งการจะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักได้นั้น ร้านค้าก็ต้องสื่อสารความเป็นตัวตนออกมาให้ชัดเจน และที่สำคัญคือ ต้องทำซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ลูกค้าจดจำเราให้ได้
ยกตัวอย่าง แบรนด์ที่แค่พูดชื่อปุ๊บก็จำได้ปั๊บ! นั่นก็คือ “Apple” แค่พูดถึงชื่อแบรนด์ ภาพของอุปกรณ์โทรศัพท์ iPhone, iPad, คอมพิวเตอร์ รวมถึงโทนสีเงิน สีดำ สีโรสโกลด์ ก็โผล่ขึ้นมาในความคิดได้ไม่ยาก หรือบางครั้งการเห็นโฆษณาในโทรทัศน์ที่มี Mood&Tone ที่ดูเรียบ นิ่ง ภาพคมชัด และมีความเชี่ยวชาญ ก็เดาได้เลยว่าเป็นโฆษณาของผลิตภัณฑ์ Apple แน่ ๆ
แบบนี้ก็คือการที่แบรนด์สามารถสร้างการรับรู้และจดจำได้เป็นอย่างดีนั่นเองค่ะ
แล้วเราจะเริ่มต้นสร้างแบรนด์ได้อย่างไร
สำหรับการสร้างแบรนด์ เราสามารถเริ่มต้นได้ด้วย 4 แนวคิดหลัก ๆ ดังนี้
- มองว่าแบรนด์เป็นบุคคล อยากให้ลูกค้าเห็นเราเป็นคนแบบไหน ก็สื่อสารแบรนด์ไปในทางนั้น กำหนดภาพลักษณ์ให้ชัดเจน
- ให้ความสำคัญกับตัวตนของแบรนด์ เน้นความสม่ำเสมอในการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง แสดงตัวตนของเราให้ลูกค้าสัมผัสได้ผ่านสินค้าและการบริการ
- กำหนดเป้าหมายของแบรนด์ในระยะยาว วางแผนกลยุทธ์ การนำเสนอกิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของธุรกิจ
- วิเคราะห์การแข่งขันในตลาด เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาพัฒนาแบรนด์ และสร้างความประทับใจให้ลูกค้า
โดยช่องทางในการสร้างแบรนด์นั้นก็มีมากมาย ทั้งหน้าร้านออฟไลน์ หรือบนออนไลน์อย่าง เว็บไซต์, Marketplace, Social Media รวมถึงบนตัวสินค้าเอง ก็สามารถสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้ได้
การสร้างแบรนด์บนเว็บไซต์สำหรับร้านค้าออนไลน์
แม้ว่าการสร้างแบรนด์จะสามารถทำได้ในหลากหลายช่องทาง แต่ เว็บไซต์ ก็ถือเป็นช่องทางที่ร้านค้าสามารถแสดงตัวตนของแบรนด์ออกมาได้อย่างอิสระมากที่สุด เพราะสามารถปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีความเป็นเอกลักษณ์ ใส่ตัวตนความเป็นแบรนด์ลงไปได้ตั้งแต่ในชื่อเว็บไซต์, โลโก้, ภาพสินค้า, รูปแบนเนอร์ ไปจนถึงโทนสีต่าง ๆ ที่ใช้บนเว็บไซต์
ที่สำคัญ เว็บไซต์ยังเป็นพื้นที่ที่เราสามารถนำไปทำการตลาดได้อย่างหลากหลาย ทั้งทำให้คนค้นหาสินค้าแล้วมาเจอเว็บไซต์ของเรา หรือเก็บข้อมูลคนที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ เพื่อนำไปลงโฆษณาแบบ Remarketing – Retargeting รวมถึงยังลงโฆษณาในรูปแบบ Conversion ที่เป็นโฆษณาเน้นให้เกิดยอดขายได้ด้วย
และเราก็มี 3 วิธีที่ช่วยให้ร้านค้าสามารถสร้างแบรนด์บนออนไลน์ได้ง่ายขึ้นมาบอกกันด้วย จะมีอะไบ้าง ไปดูค่ะ
1. นำบุคลิกของแบรนด์มาใช้ในการวางแผนพัฒนาเว็บไซต์
เริ่มแรกคุณจะต้องกำหนด Brand Personality หรือบุคลิกของแบรนด์ ขึ้นมาก่อน เพื่อนำบุคลิกที่ได้มา ไปวางแผนพัฒนาเว็บไซต์ของเราให้แสดงออกถึงตัวตนของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน
2. กำหนด Website Visuals ตามบุคลิกของแบรนด์ที่วางไว้
เมื่อคุณมี Brand Personality แล้ว คุณสามารถนำมาใช้ในการวางแผนส่วนประกอบต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้เลย ซึ่งสิ่งที่คุณจะต้องคำนึงถึงนั้นมีดังนี้
- โลโก้ – คุณสามารถนำโลโก้ของธุรกิจที่คุณมีอยู่แล้วมาใช้บนเว็บไซต์ของคุณได้ และอาจจะต้องวางแผนเพิ่มเติมว่า หากโลโก้ของคุณถูกนำไปใช้ในพื้นหลังสีเข้ม สีอ่อน หรือจุดต่าง ๆ บนเว็บไซต์ โลโก้ของคุณควรต้องปรับเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง และทางที่ดีควรกำหนดเพิ่มเติมการใช้งานนี้ ไปใน Corporate Identity เอาไว้เลย ก็ดีนะคะ
- โทนสี – จากบุคลิกของแบรนด์ จะถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นโทนสีของเว็บไซต์ได้ เช่น บุคลิกของแบรนด์คุณคือความเรียบหรู น่าค้นหา โทนสีที่สื่อถึงแบรนด์ก็อาจจะเป็นโทนสีดำ ทอง หรือสีเงิน เป็นต้น พยายามคุมโทนสีของเว็บไซต์ ให้สื่อถึงอารมณ์และความรู้สึกของแบรนด์ รวมถึงสะท้อนภาพลักษณ์ที่แบรนด์ต้องการสื่อ
- รูปภาพ และภาพประกอบต่าง ๆ – จำเป็นจะต้องล้อไปกับอารมณ์ของแบรนด์ และมีความเข้ากันกับโทนสีของเว็บไซต์ เพื่อให้ทั้งเว็บไซต์ สื่อไปในทิศทางเดียวกัน
3. วางแผนเรื่องคอนเทนต์ต่าง ๆ
สุดท้ายอย่าลืมเรื่องการวางแผนในส่วนของสโลแกน (Tagline) เว็บไซต์ ซึ่งหากธุรกิจของคุณมีสโลแกนอยู่แล้ว ก็สามารถนำมาใช้กับเว็บไซต์ได้ แต่หากไม่มี ก็อาจจะต้องคิดขึ้นมาใหม่ โดยคำนึงถึงบุคลิก และอารมณ์ของแบรนด์ด้วย และนอกจากนี้ การมีเรื่องราวของแบรนด์ (Brand Story) ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ของคุณได้ด้วยนะคะ
นอกเหนือจากสิ่งที่เราได้บอกไปแล้ว การอัพเดทข้อมูลในเว็บไซต์ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ร้านค้าต้องทำอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เว็บไซต์นิ่งจนเกินไป อาจจะอัพเดทบทความ หรือแบนเนอร์โปรโมชั่นอยู่ตลอดเวลาก็ได้ค่ะ
ตัวอย่างร้านค้าเทพ ที่มีการสร้างแบรนด์บนเว็บไซต์ให้น่าจดจำ
ร้านปลั๊กไทย
ร้านนี้เป็นร้านจำหน่ายปลั๊กไฟ ที่มีสโลแกนร้านค้าว่า “เรื่องปลั๊กไฟ ไว้ใจผม” ที่บ่งบอกให้ลูกค้าทราบว่า ทางร้านมีความรู้และเข้าใจในเรื่องของสินค้าที่ขาย รวมทั้งยังสร้างตัวตนให้คำว่า “ผม” ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ด้วยการแปะรูปตัวเองเป็นเสมือนโลโก้อยู่ในรูปสินค้าทุกรูป, สร้างมาสคอตการ์ตูนที่มีบุคลิกในทางเดียวกัน รวมถึงการเลือกใช้บริการ Be Brand เพื่อทำให้เนื้อหาในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์เป็นข้อมูลของแบรนด์ทั้งหมด
และที่สำคัญยังสร้างการจดจำและรับรู้แบรนด์ผ่าน Facebook Page – ปลั๊กไทย by มหาชะนี ที่มีการรีวิวสินค้า ทำคอนเทนต์เข้าถึงลูกค้าแบบเรียบง่าย และทำให้เกิดการจดจำได้ง่าย ๆ ด้วย
ร้าน SOdAPrintinG
“SOdAPrintinG ของขวัญแบบนี้มีชิ้นเดียวในโลก” เว็บไซต์ของขวัญอันดับ 1 ที่แสดงเอกลักษณ์ของแบรนด์ผ่านรูปภาพต่าง ๆ ทั้งแบนเนอร์นำเสนอสินค้า และรูปภาพสินค้าในสไตล์เดียวกัน ทำให้เมื่อเห็นภาพโพสต์ หรือโฆษณาจากร้านนี้ทีไร ก็จะจดจำได้ทันทีว่านี่คือ SOdAPrintinG
ร้าน The Puffin House
ร้านจำหน่ายอุปกรณ์เดินทาง ที่มีชื่อเสียงมาจากการเป็นบล็อกเกอร์ท่องเที่ยว ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้ร้านนี้โดดเด่น ก็คือเรื่องราวต่าง ๆ ที่ถูกเล่าผ่านมุมมองต่าง ๆ ของทางร้าน จากประสบการณ์ใช้งานจริง จากสิ่งที่ได้สัมผัส สื่อสารออกมาเป็น Content Marketing ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น บทความแนะนำสินค้า วิดีโอรีวิว “อุปกรณ์เดินทาง” จนสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ และทำให้ ร้าน The Puffin House กลายเป็นที่รู้จักในหมู่ของนักเดินทาง และคนที่ชอบแคมป์ปิ้งนั่นเอง
และนี่ก็คือเรื่องราวของการสร้างแบรนด์บนออนไลน์ที่เรานำฝากทุกคนนั่นเองค่ะ สำหรับใครที่ต้องการเปิดเว็บไซต์เพื่อขายสินค้า พร้อมทั้งยังสามารถสร้างแบรนด์ได้ตามสไตล์ที่ต้องการ ก็สามารถมาเปิดร้านค้ากับเรา ที่ www.LnwShop.com ได้เลยค่ะ ครั้งต่อไป จะมีเรื่องราวอะไรมาเล่าสู่กันฟังอีก อย่าลืมติดตามกันนะคะ
แหล่งที่มา: