QR Code (Quick Response) คือ บาร์โค้ด 2 มิติ ซึ่งเมื่อใช้โทรศัพท์มือถือสแกนแล้วจะนำทางไปสู่เว็บไซต์ ข้อความ เนื้อหา หรือลิงก์ต่างๆ ตามแต่ผู้สร้างทำไว้ได้ สำหรับในประเทศญี่ปุ่นมีการใช้งาน QR Code มานานมาก ใช้กันจนเป็นเรื่องธรรมดา โดยจุดเด่นของ QR Code คือ เมื่อเราสแกนแล้ว โทรศัพท์จะเก็บค่าเอาไว้ ทำให้ไม่ต้องจำชื่อสินค้า ข้อมูล ฯลฯ เมื่อต้องการจะดูใหม่ก็สามารถเรียกดูได้ตลอดเวลา
QR code ทำอะไรได้บ้าง
- ใส่ไว้ในนามบัตร
แทนที่คนจะต้องเก็บนามบัตร จนกระเป๋าสตางค์หนาปึ้กแล้ว วิธีนี้ทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลติดต่อกันนั้นแสนง่ายขึ้นไปอีก เพราะแค่ทำ QR code ที่มีข้อมูลของคุณ เช่น ชื่อ เบอร์ติดต่อ อีเมล์ เว็บไซต์ แล้วแลกกันสแกน เท่านี้ข้อมูลจำเป็นๆ ก็จะถูกเก็บเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือ และสมาร์ทโฟนทั้งหลาย ก็สามารถจัดเก็บข้อมูลนั้น ไว้ใน contact ของคนนั้นๆได้เลย เมื่อไหร่ที่ต้องการเรียกใช้ ก็แค่กดดู ข้อมูลทั้งหมดก็จะปรากฏออกมาทันที ไม่ต้องกลัวว่าจะหาย หรือต้องเสียเวลาไปรื้อหาเอาในซองเก็บนามบัตรให้วุ่นวายอีกต่อไป
- แปะไว้ในสื่อโฆษณา
จะทำการตลาดแบบไหนก็สามารถนำ QR code ไปแปะไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นพับ ใบปลิว โปสเตอร์ ไปจนถึง billboard ยักษ์ แค่เพิ่มแคมเปญใหม่ๆ เช่น ให้นำโค้ดมาสแกนเพื่อลิงก์ไปยังหน้าเว็บที่มีการแจกของรางวัล, ลิงก์ไปยังวิดีโอโฆษณาตัวใหม่ใน Youtube หรืออาจจะนำไปผูกกับ Facebook, Twitter ก็ยังได้ ซึ่งจริงๆแล้วไอเดียนั้นมีมากมาย แค่ให้ฝ่ายการตลาดช่วยกันระดมความคิด ไม่แน่ว่าแคมเปญของคุณอาจจะดังไปทั่วโลกออนไลน์เลยก็ได้
- ปรินท์โชว์หน้าร้าน
บอกแล้วว่าเอาไปทำอะไรก็ได้จริงๆ ลองนึกเล่นๆดูว่าผู้ใช้ location-based service จะสนุกขึ้นแค่ไหนถ้าหน้าร้านกาแฟของคุณมี QR code ให้เค้าได้สแกนเพื่อรับสิทธิพิเศษเพิ่ม แทนที่จะแค่ check-in เฉยๆ เรื่องพวกนี้ไม่ควรมองข้าม เพราะกระแสการเล่น Foursquare หรือ Gowalla นั้น มาแรงจริงๆ คุณในฐานะผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ก็อย่ามัวแต่มองแล้วปล่อยผ่าน อย่าลืมว่าโอกาสทางการตลาดยุคใหม่นี้ ใครเร็วกว่าก็ได้เปรียบกว่าเห็นๆ
- สร้างกระแสอื่นๆ
ใครๆก็ชอบของลดราคาหรือของฟรีกันทั้งนั้น ถ้าอยากให้ QR code ของคุณเป็นที่สนใจ ก็ลองเล่นแคมเปญเหมือนช็อคโกแลตของ Willy Wonka ดู เปลี่ยนจากตั๋วทองในช็อคโกแลต เป็น QR code ที่ซ่อนอยู่ในสินค้า หรือ ในเว็บไซต์ ให้คนได้ลุ้นว่าเมื่อสแกนแล้วจะได้อะไร เช่น ลดราคา 25% หรือ รับเครื่องดื่มฟรีเมื่อสั่งเซ็ทอาหารกลางวัน เป็นต้น
ที่มา QR code การตลาดใหม่สำหรับธุรกิจยุคออนไลน์
QR Code ในไทย
ส่วนใหญ่ในไทย QR Code จะถูกลิงก์ไปยังเว็บไซต์ซึ่งทำให้เกิดปัญหาตามมา เพราะเว็บไซต์ส่วนใหญ่ไม่ลองรับการเปิดบนมือถือ ในบางครั้งลิงก์จาก QR Code ยังนำไปสู่ Flash ซึ่งโทรศัพท์มือถือหลายๆรุ่นไม่ลองรับ และยิ่งกว่านั้น โทรศัพท์จำพวกสมาร์ทโฟนที่สแกนได้ และมียอดการสแกนสูงสุดยังเป็นโทรศัพท์ในเครือ Apple ซึ่งไม่รองรับ Flash อีกด้วย
มี 4 Tips เด็ดเราควรใช้ QR Code อย่างไรดี
Tip ข้อที่ 1 คือ ควรสร้างเว็บไซต์ ที่มารองรับหน้าจอเล็กๆ ของมือถืออีกเว็บหนึ่ง ซึ่งจะเรียกว่า mobile web คือเว็บไซต์ที่มีขนาดย่อส่วนและความกว้างของเว็บจะพอดีกับหน้าจอทุกๆ รุ่น แต่ข้อมูลในเว็บมือถือ จะเหมือนหรือแตกต่างจากเว็บบน PC ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะให้ user เห็นอะไร อ่านอะไร บางครั้งผมเห็นบางแบรนด์ทำ Link ไปที่ Homepage แต่โฆษณาบนสิ่งพิมพ์เป็นรูปโปรดักท์ อันนี้ผมว่า “ไม่ค่อยเหมาะ”
Tip ข้อ 2 คือ อยากจะสื่ออะไร ให้พาไปหน้าโปรดักท์เลย หรือไปหน้าโปรดักท์ ที่มีบอกถึงส่วนลดหรือสเปค หรือเบอร์โทรติดต่อนั้นๆ หมายความว่า อย่าทำ link ไป Homepage แล้วปล่อย user ไปหากันเอาเองว่าพยายามสื่ออะไร เพราะบ้านเราเอง internet speed ของมือถือก็ช้าอยู่แล้ว และอีกอย่าง พอเปิด Homepage ขึ้นมาในมือถือกับ internet speed ที่ช้า พอเปิดมาเสร็จจะดูไม่ได้ เพราะว่าหน้า Homepage เป็น Flash ซึ่งมือถือบางรุ่นก็จะดูไม่ได้ อย่างเช่น iPhone
Tip ข้อที่ 3 คือ อย่าพาไปหน้าเว็บที่เป็น Flash เทคโนโลยี 3G ก็ยังไม่มา Load ก็จะช้า แถมดูไม่ได้อีก
Tip ข้อที่ 4 คือ กรุณาช่วยบอกด้วยครับว่าสแกนไปทำไม และได้อะไร ควรจะมีประโยคบอกเล่าว่าสแกนแล้วเพื่อดูสเปคเพิ่ม หรือได้ส่วนลดของ หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ อะไรคือคุณค่าที่แบรนด์จะให้เวลา user สแกนเสร็จ แล้วไม่มี app มือถือ ช่วยบอกด้วยไปดาวน์โหลด app ได้ที่ไหน แต่เท่าที่เห็น ส่วนใหญ่จะมีที่อยู่เว็บอยู่ข้างล่างโค้ดแล้วพอสแกนโค้ดมือถือก็โชว์เว็บเดียวกัน ทุกวันนี้จงไม่รู้ว่าจะพยายามสื่ออะไร ที่อยู่เว็บก็มีเขียนอยู่แล้ว และยังให้สแกนไปที่อยู่เดียวกันอีก เหมือนโดนหลอกหลังจากสแกนว่า “รู้งี้พิมพ์ที่อยู่ในมือถือแล้วไปที่เว็บนั้นเลยก็จบ” เพราะฉะนั้น ประโยคที่ใช้ข้างๆ โค้ดน่าจะเป็นว่าสแกนแล้ว user จะได้อะไรจะดีกว่า
ที่มา : 10 Tipsการใช้ QR Code ในการตลาด
QR Code ทำที่ไหนได้บ้าง
Kaywa – อันนี้ใช้งานง่าย สามารถเลือกได้ว่าอยากใส่ข้อมูลประเภทไหน เช่น เบอร์โทรศัพท์ เว็บไซต์ ข้อความต่างๆ
iCandy – ตัวนี้ได้รับการแนะนำจาก Mashable และนอกจากทำโค้ดแล้ว ยังมีข้อมูล เช่น โค้ดตัวไหนถูกสแกน หรือ ดูข้อมูลเชิงวิเคราะห์ของโค้ดแต่ละตัวได้้ด้วย
QR stuff – ของที่นี่จะมีให้สั่งทำเสื้อที่มี QR code ของคุณได้ด้วย