โฆษณา Performance Max หรือที่เราเรียกสั้น ๆ กันว่า PMax คือโฆษณารูปแบบใหม่ที่มาแทน Google Shopping Ads ซึ่งโฆษณา PMax นี้ได้ถูกพัฒนาให้สามารถเข้าถึงลูกค้ามากขึ้นกว่าเดิม วันนี้เราจึงมีทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แคมเปญโฆษณาของคุณ มีคำโฆษณาที่น่าสนใจ ดึงดูดลูกค้า ในช่องทางการแสดงผลต่าง ๆ ตามคำแนะนำของ Google มาฝากกันค่ะ
ทำความรู้จักกับโฆษณา PMax ให้มากขึ้นได้ที่ บทความ Performance Max แคมเปญโฆษณารูปแบบใหม่ จาก Google
ข้อควรรู้ก่อนลงโฆษณา Performance Max
ก่อนที่จะไปรู้ว่า แนวทางที่เราจะนำบอกในวันนี้มีอะไรบ้าง ร้านค้าจะต้องทราบก่อนว่า ตอนนี้ในระบบจัดการโฆษณาที่หลังบ้าน LnwShop นั้น ได้อัพเดทให้คุณสามารถสร้างแคมเปญ PMax โดยให้เลือกสินค้า, เพิ่มข้อความ และรูปภาพเพื่อลงโฆษณาได้แล้วในแคมเปญเดียว
ทั้งนี้ ข้อความที่คุณต้องเพิ่มผ่านระบบของ LnwShop นั้น จะมีทั้งหมด 3 ส่วนคือ หัวข้อ (แบบสั้น), หัวข้อ (แบบยาว) และรายละเอียด ซึ่งมีข้อมูลดังนี้
- หัวข้อ (แบบสั้น) – บรรทัดแรกของโฆษณา ที่ร้านค้าควรใส่ข้อความอย่างน้อย 3 หัวข้อ
- หัวข้อ (แบบยาว) – บรรทัดแรกของโฆษณา ที่จะปรากฏแทน หัวข้อ (แบบสั้น) ในโฆษณาขนาดใหญ่ โดยหัวข้อ (แบบยาว) นี้ กำหนดให้มีอักขระได้ไม่เกิน 90 ตัว และอาจแสดงโดยมีหรือไม่มีคำอธิบายก็ได้ ความยาวของพาดหัวที่แสดงผลจะขึ้นอยู่กับไซต์ที่ปรากฏ หากสั้นลง จะลงท้ายด้วยจุดไข่ปลา
- รายละเอียด – ควรใส่อย่างน้อย 2 รายละเอียด กำหนดให้มีความยาวได้สูงสุด 90 อักขระและอาจปรากฏหลังหัวข้อ สามารถเพิ่มคำอธิบายได้สูงสุด 5 รายการ ซึ่งจะรวมกับหัวข้อรายการใดรายการหนึ่งเพื่อสร้างโฆษณา ความยาวของพาดหัวที่แสดงผลจะขึ้นอยู่กับไซต์ที่ปรากฏ หากสั้นลง จะลงท้ายด้วยจุดไข่ปลา
ทั้งนี้ การแสดงโฆษณาจะแสดงข้อความ 2 ส่วนคือ หัวข้อ (Title) และ รายละเอียด (Description) โดยจะเน้นว่า ส่วนที่เป็นหัวข้อ ควรเป็นข้อความที่เห็นแล้วอ่านง่าย เข้าใจได้ทันทีว่ากำลังโฆษณาสินค้าอะไรอยู่ และมี Call to action ที่ชัดเจน ส่วนรายละเอียด ค่อยเป็นข้อมูลที่ขยายมาจากหัวข้อนั้น ๆ ค่ะ
5 แนวทางสร้างคำโฆษณา Performance Max
และก็มาถึงสิ่งที่ทุกคนรอคอยกับคำแนะนำในการสร้างคอนเทนต์โฆษณาให้เป๊ะปัง และดึงดูดใจลูกค้าตามคำแนะนำจาก Google กันแล้วค่ะ จะมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลย
- ไฮไลต์สิ่งที่ทําให้คุณไม่เหมือนใคร
แจ้งให้ลูกค้าทราบว่า สินค้าหรือร้านค้าของคุณมีจุดเด่นอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการชูถึงเรื่องผลิตภัณฑ์ การบริการ การจัดส่งฟรี หรือข้อเสนออื่น ๆ ที่ทำให้คุณโดดเด่นกว่าคู่แข่ง - ระบุราคา โปรโมชั่น และข้อเสนอพิเศษ
ลูกค้ามักจะใช้การค้นหาของ Google เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง คุณจึงควรให้ข้อมูลที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เช่น ส่วนลดสินค้าแบบจำกัดเวลาในการใช้ หรือผลิตภัณฑ์ที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เป็นต้น - ให้อำนาจลูกค้าในการดำเนินการ
แนวทางการดำเนินการต่อ คือเรื่องสำคัญที่ไม่ควรพลาด หากคุณขายสินค้า ก็ต้องบอกให้ลูกค้าทราบว่า สามารถสั่งซื้อได้ หรือหากนำเสนอบริการ ก็ต้องบอกวิธีการรับบริการ หรือวิธีการติดต่อเพื่อใช้บริการด้วย ว่าง่าย ๆ คือต้องมี Call to action ให้ลูกค้าดำเนินการต่อ ด้วยคำกระตุ้นการตัดสินใจ เช่น ซื้อเลย โทรวันนี้ สั่งซื้อ เลือกดู ลงชื่อสมัครใช้ หรือรับใบเสนอราคา เป็นต้น - ใส่คีย์เวิร์ดอย่างน้อย 1 คํา
ใส่คีย์เวิร์ดที่คำโฆษณา เพื่อให้ลูกค้ารู้ว่า โฆษณานี้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เค้าต้องการหรือไม่ เช่น หากคุณใส่คำว่ากล้องดิจิทัลเป็นคีย์เวิร์ด บรรทัดแรกของโฆษณาก็ควรจะเป็น “ซื้อกล้องดิจิทัล” - จับคู่โฆษณากับหน้า Landing Page
คุณควรลิงก์โฆษณาไปยังหน้า Landing Page ที่มีสินค้าหรือข้อมูลบริการที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ได้โฆษณาออกไป โดยต้องตรวจสอบด้วยว่าหน้า Landing Page นั้นใช้งานได้หรือเปล่า เพราะหากลูกค้ากดเข้าไปไม่เจอข้อมูลที่ต้องการ ก็อาจจะกดออกจากหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ ของเราได้
ข้อมูล – https://support.google.com/google-ads/answer/1704392?hl=th
และนี่ก็เป็นแนวทางการสร้างคำโฆษณาให้น่าสนใจ ดึงดูดลูกค้า ตามคำแนะนำจาก Google ที่เรานำมาฝากกันนั่นเองค่ะ ใครที่ลองนำคำแนะนำนี้ไปใช้ ได้ผลหรือไม่ได้ผลอย่างไร ก็สามารถมาแบ่งปันข้อมูลกันได้นะคะ :)
อ้างอิงจากบทความ