การทำโฆษณาในยุคนี้ จะทำเพียงช่องทางเดียวก็คงไม่ดี เพราะในแต่ละช่องทางการโฆษณา ก็สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แตกต่างกัน ตามแต่ Behavior ของเขาเหล่านั้น ซึ่งช่องทางที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน ก็เห็นจะหนีไม่พ้นการโฆษณาผ่าน 2 แพลทฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่าง Google และ Facebook บทความนี้เราจึงจะนำเสนออีกหนึ่งวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพการทำโฆษณาในสองช่องทางนี้ ด้วยการเชื่อมข้อมูลลูกค้าของเรา ที่มีข้อมูลอยู่ในทั้งสองแพลทฟอร์มเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาออนไลน์ของร้านค้าให้ดีมากยิ่งขึ้น
รู้จักกับ Tracking ของ Google & Facebook กันก่อน
ในการทำโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์นั้น แพลทฟอร์มต่าง ๆ มักจะให้เราติดตั้ง Tracking ข้อมูลในเว็บไซต์ของเรา เพื่อที่ใช้ในการทำงานของโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นการยืนยันตัวตนว่าเราเป็นเจ้าของเว็บที่นำมาโฆษณา หรือนำมาวิเคราะห์ข้อมูลจริง ๆ การติดตามดูว่าโฆษณามีประสิทธิภาพแค่ไหน หรือกระทั่งติดตามดู Action ต่าง ๆ ของคนที่เห็นโฆษณา ซึ่ง Google และ Facebook ก็มีการขอให้เราติด Tracking เพื่อติดตามข้อมูลเช่นเดียวกัน ซึ่งหากเราต้องการเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาออนไลน์แล้ว การติดตั้ง Tracking จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
Tracking ของ Google
การติดตามข้อมูลของ Google จะทำผ่าน Google Analytics โดยจะต้องมีการติด Tracking ID ในเว็บของเรา เพื่อยืนยันว่าเราเป็นเจ้าของเว็บไซต์ และให้ Google Analytics สามารถเข้าถึงเว็บของเราเพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ ซึ่งนอกจาก Google Analytics จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลในเว็บของเราแล้ว ยังมีการทำงานร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ ของ Google อาทิ Google Adwords อีกด้วย
Tracking ของ Facebook
มาถึงในฝั่งของ Facebook กันบ้าง โค้ดที่ใช้ในการตามเก็บข้อมูลจะมีชื่อเรียกว่า Pixels ซึ่ง Pixels เป็นเครื่องมือที่ Facebook ใช้ในการติดตามข้อมูลการลงโฆษณาในรูปแบบ Conversion tracking อาทิ Landing Page Views หรือ Add to Cart
หากเราติดตั้งตัว Tacking ของ Google และ Facebook ไว้ในเว็บของเรา จะทำให้ Google ได้ข้อมูลคนเข้าชมที่มาจาก Facebook ในขณะที่ Facebook เองก็ได้ข้อมูลคนเข้าชมที่มาจาก Google ด้วยเช่นกัน
Retargeting, Remarketing ข้ามแพลตฟอร์มเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาออนไลน์ ให้เข้าถึงลูกค้าได้ดีขึ้น
แน่นอนว่าเมื่อเรามีการติด Tracking ของทั้งสองแพลตฟอร์มในเว็บของเราแล้ว ทั้ง Google และ Facebook ก็จะได้รับข้อมูลว่าใครบ้างที่เข้ามายังเว็บของเรา ซึ่งคนเหล่านั้นอาจจะเข้ามาด้วยช่องทางใด ๆ ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะทั้งสองแพลตฟอร์มจะมองว่านี่แหละคือฐานข้อมูลผู้เข้าชมเว็บของเรา รวมถึงจะมีการเก็บข้อมูลเอาไว้ว่าผู้ชมเหล่านั้นมีการกระทำใด ๆ กับเว็บของเราบ้าง ซึ่งมีทั้งแบบพื้นฐาน และแบบที่เราสามารถตั้งค่าเพิ่มเติมได้ ซึ่งจากข้อมูลเหล่านั้นที่ Google และ Facebook เข้าถึงได้ก็จะทำให้เราสามารถนำข้อมูลนั้น ๆ ไปทำโฆษณาในรูปแบบของ Retargeting หรือ Remarketing ได้ทันที
Retargeting ผ่าน Facebook Ads
การทำโฆษณา Re-Targeting ผ่าน Facebook Ads นั้น ทำได้โดยการสร้าง Custom Audience โดยใช้ ข้อมูลจาก Pixel ที่เราเก็บไว้ ทั้งนี้คุณสามารถเลือกได้ว่าจะดึงข้อมูลลูกค้าจากการกระทำใด ที่ Facebook Pixel ได้เก็บเอาไว้ เช่น All Website Visitors, ViewProduct หรือกระทั่งเคยกดปุ่ม Add to cart และเมื่อคุณสร้าง Custom Audience เสร็จแล้ว คุณก็จะสามารถเลือกลงโฆษณาไปยัง Audience กลุ่มที่สร้างไว้ได้ทันทีเพียงเท่านี้ก็จะทำให้โฆษณาของเราแสดงผลแบบ Re-Targeting กับผู้ที่เคยมีการกระทำใด ๆ บนเว็บของเราได้แล้วล่ะ
Remarketing ไปกับ Google Ads
ในการทำโฆษณา Remarketing กับ Google ก็มีขั้นตอนคล้ายกับของ Facebook นั่นก็คือคุณจะต้องสร้าง Audience จากฐานข้อมูลที่ Google Tracking เก็บเอาไว้ให้ ซึ่งก็จะมีข้อมูลที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูล Visitors of a page, Visitors of a page with specific tags หรือกระทั่งผู้เข้าชมเฉพาะวันที่ต้องการก็ทำได้ หลังจากที่คุณสร้าง Audience ไว้แล้วคุณก็จะสามารถไปลงโฆษณาด้วยกลุ่มเป้าหมายที่เลือกได้ทันที
Remarketing ผ่านช่องทางโฆษณาของ Google ได้ง่ายยิ่งกว่าด้วย LnwShop
สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่มีการทำโฆษณา Google Shopping Ads ผ่าน LnwShop อยู่แล้ว จะไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปสร้าง Audience หรือเซ็ตอัพให้ยุ่งยาก เพราะ การลงโฆษณาผ่านระบบ LnwShop ของเรา จะเป็นการลงโฆษณาในรูปแบบ Smart Shopping Campaign ที่มีการเซ็ตให้ Remarketing Campaign เป็นส่วนหนึ่งของโฆษณาอยู่แล้วนั่นเองค่ะ
การทำ Remarketing, Retargeting นี้สามารถทำให้ลูกค้าที่เคยเข้าเว็บไซต์จากการคลิกที่ Shopping Ads ไปเจอโฆษณาของคุณใน Facebook ในขณะเดียวกันกับลูกค้าที่เคยเข้าเว็บไซต์ของคุณจาก Facebook Ads ก็สามารถเห็นโฆษณาของคุณใน Youtube ได้เช่นกัน!
————————————-
ทั้งหมดนี้ก็คือวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโฆษณาออนไลน์ของคุณ โดยการนำเอาข้อมูลที่เว็บไซต์เก็บเอาไว้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ด้วยวิธีการง่าย ๆ แค่ติด Tracking เพิ่มเอง ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ และสำหรับร้านค้าเทพไหนที่อยากจะติดแทร็กกิ้ง ในหน้าเว็บของคุณก็สามารถเข้าไปที่หลังร้าน > สคริปต์ ได้เลยค่ะ บทความนี้อ้างอิงจาก How To เชื่อมข้อมูล Google – Facebook เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณา