Sale Page คำที่กำลังมาแรง เดี๋ยวนี้ใครจะลงโฆษณาอะไร ก็มักจะพูดกันว่าต้องมี Sale Page ว่าแต่ ทำไมต้องมี! และ ถ้าจะใช้ระบบของเทพช็อปเพื่อสร้างเซลเพจ สามารถทำได้หรือไม่ บทความนี้มีคำตอบค่ะ
Sale Page คืออะไร
Sale Page คือ หน้าเว็บไซต์หรือแอพลิเคชั่นอะไรก็ได้ ที่สร้างขึ้นเพื่อตอบแสดงข้อมูลการขายสินค้า ซึ่งเซลเพจยังถือว่าเป็นรูปแบบหนึ่งในหน้าเพจสำหรับการทำกิจกรรมทางการตลาด หรือที่เรียกว่า Landing Page นั่นเองค่ะ – อ่านเพิ่มเติมว่า Landing Page คืออะไร
Sale Page เปรียบเสมือนพนักงานขายประจำแผนกของสินค้าชิ้นที่เราต้องการขาย มีหน้าที่ให้ข้อมูล และช่วยเราปิดการขายสินค้าชิ้นนั้น ๆ
ทำไมต้องมี Sale Page
การมี Sale Page เกิดขึ้นมาเพื่อใช้ในการนำเสนอข้อมูลของสินค้าโดยเฉพาะ เปรียบเสมือนกับ ห้อง ๆ หนึ่งที่มีการแปะป้ายข้อมูลของสินค้าชิ้นนั้น ๆ อยู่เต็มห้อง เมื่อเราส่งผู้ที่สนใจเข้าไปยังห้อง ๆ นั้น เขาก็จะสามารถศึกษาข้อมูลของสินค้าได้อย่างเต็มที่ โดยที่ป้าย และข้อมูลต่าง ๆ ในหน้าเซลเพจจะทำหน้าที่เสมือนกับ Sale ที่คอยแนะนำให้ผู้สนใจสินค้าของเราคนนั้น กลายมาเป็นลูกค้าของเรา
และนอกจากจะทำหน้าที่เป็นพนักงานขาย หรือหน้าขายสินค้าให้กับเราแล้ว การสร้างหน้าเว็บไซต์ขึ้นมาเป็น Sale Page ยังช่วยให้เราเก็บข้อมูลของลูกค้าได้ เพราะในหน้าเซลล์เพจนั้นเราสามารถเพิ่ม Facebook Pixels หรือ Google Analytics เพื่อเก็บข้อมูลของผู้เข้าชมหน้านั้น ๆ และนำข้อมูลที่ได้มาใช้ทั้งได้ทั้งในเชิงการวิเคราะห์ข้อมูลผู้เข้าชม หรือกระทั่งทำโฆษณาแบบ Re-Targeting หรือ Look a like ก็ได้เช่นเดียวกัน
ใช้ LnwShop สร้าง Sale Page ได้นะ!
นอกจากที่ LnwShop จะเป็นระบบร้านค้าออนไลน์ ที่มีระบบสนับสนุนการขายของออนไลน์อย่างครบวงจรแล้ว LnwShop ยังให้คุณสร้าง Sale Page เพื่อใช้ในการขายสินค้าได้ เพียงคุณเพิ่มข้อมูลสินค้าใหม่ คุณก็จะได้หน้าข้อมูลของสินค้า และสามารถนำหน้าข้อมูลนั้นไปใช้เป็น Sale Page สำหรับขายเฉพาะสินค้าชิ้นนั้น ๆ ได้แล้วล่ะค่ะ หรือถ้าใครที่ขายสินค้าเพียงชิ้นเดียว คุณอาจจะใช้หน้าแรกของเว็บไซต์ของคุณที่เปิดผ่าน LnwShop ในการเป็น Sale Page ก็ได้เช่นกันนะคะ
ดูวิธีเพิ่มสินค้าใหม่ เพื่อนำไปใช้เป็นเซลเพจได้ที่วีดีโอนี้เลยค่ะ
9 เทคนิคเพิ่มยอดขายด้วย Sale Page
1. Goal ของหน้าเพจนั้นต้องชัดเจน ซึ่งสำหรับหน้าขายสินค้า เป้าหมายก็ควรจะเป็นการขายสินค้า ดังนั้นตั้งแต่เห็นหน้าเพจครั้งแรก ต้องให้ลูกค้ารู้ได้ทันทีว่า เรากำลัง “ขายสินค้า”
2. Message ที่จะสื่อสารในหน้าเพจนั้น ๆ ไม่ควรมีเยอะจนทำให้สับสน สืบเนื่องจากข้อ 1 เลยค่ะ เมื่อเราต้องการสื่อสารเป้าหมายของเราออกไปให้ชัดเจน Message ต่าง ๆ จึงควรไปในทิศทางเดียวกันจะได้ไม่ก่อให้เกิดความสับสนกับลูกค้านั่นเอง โดยเฉพาะ Headline อ่านแล้วต้องเก็ตได้ในรอบเดียว
3. Call to Action ต้องเด่นชัด และเข้าใจง่าย โดยเฉพาะ ปุ่มสั่งซื้อ ถือว่าเป็น Action ที่สำคัญที่สุดของหน้า จะอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่ได้โดยเด็ดขาด
4. Price ต้องมองหาได้ง่าย เพราะราคาเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คนซื้อสินค้าต้องรู้ และเป็นส่วนที่กระตุ้นการตัดสินใจของเขา ยิ่งเอาราคา วางไว้ใกล้ ๆ ปุ่มสั่งซื้อได้ จะยิ่งดี
5. Promotion ดี ๆ ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจลูกค้าได้มาก
6. Information ต้องไม่พลาด สินค้าคืออะไร, ราคาเท่าไหร่, ข้อมูลของสินค้าที่ครบถ้วน, วิธีการสั่งซื้อ, วิธีการจ่ายเงิน, วิธีการขนส่ง และช่องทางการติดต่อกับแบรนด์ถือเป็นสิ่งที่ไม่มีไม่ได้!
7. Readability เป็นสิ่งที่ต้องคำนึง ลูกค้าเข้ามาแล้วอ่านง่ายไหม หน้าเพจมีแต่ข้อความหรือเปล่า หลาย ๆ ครั้งการใช้รูปภาพ หรือวีดีโอมานำเสนอข้อมูล ก็ช่วยให้ลูกค้าเข้าใจเราได้ง่ายขึ้น
8. Branding ก็ต้องไม่ลืม ถึงแม้ว่าหน้าเพจจะสร้างขึ้นมาเฉพาะสำหรับการขายสินค้า แต่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สะท้อน Branding ของเราได้เช่นกัน ดังนั้นการเลือกใช้โทนสี, รูปแบบของคำต่าง ๆ ก็ยังต้องคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของแบรนด์
9. Optimize อยู่เสมอ ๆ อย่าสร้าง Landing Page แล้วทิ้งไว้เฉย ๆ จะจัดโปรโมชั่นใหม่ หรือมีแพ็คเกจแบบพิเศษก็ต้องมาอัพเดทด้วยนะคะ หรือจะสร้าง Landing Page ใหม่เพื่อแคมเปญนั้น ๆ เลยก็ไม่ว่ากัน