Creative อย่างไร ให้คอนเทนต์ของร้านเราแตกต่างจากเจ้าอื่น? นี่อาจเป็นคำถามที่ใครหลายคนพยายามหาคำตอบ ซึ่งเมื่อไปค้นหาตำราต่าง ๆ ก็ดันไม่มีสูตรตายตัวซะด้วย แน่นอนว่าเราต้องลองผิดลองถูกไปเรื่อย ๆ เพื่อหาแนวทางที่ใช่และเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าของเรา วันนี้ Dekluan เลยมีอีกหนึ่งแนวทางสร้างสรรค์คอนเทนต์ ที่ได้ฟังจากพี่เอ็ด 7 วิ Influencer ชื่อดัง ในงาน Digital SME Conference Thailand 2023 มาแชร์กับทุกคน ซึ่งจะเป็นยังไงนั้น ไปติดตามพร้อมกันค่ะ
Creative Mindset คิดแก้ปัญหาให้คนใช้ชีวิตง่ายขึ้น
หากเราเป็นคนที่ไม่ได้มีไอเดียพุ่งพล่าน คิดเร็วทำเร็วอย่างคนอื่น ๆ ก็ต้องเริ่มต้นจากการทำความรู้จักกันก่อนว่า Creative หรือ Creativity มันคืออะไร ซึ่งพี่เอ็ด ก็ได้ให้ความหมายของการทำครีเอทีฟไว้ว่า คือการแก้ปัญหาให้คนสามารถดำเนินชีวิตได้ง่ายขึ้น
โดยสำหรับแบรนด์หรือร้านค้าออนไลน์ การทำครีเอทีฟนี้ ก็เป็นเสมือนการสื่อสารถึงสิ่งที่สินค้าของเราสามารถเข้าไปช่วยตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นในด้านของชีวิตประจำวัน, การทำงาน หรือความบันเทิงต่าง ๆ ซึ่งต้องสื่อสารออกไปให้ชัดเจนว่า สินค้าของเรา ช่วยแก้ปัญหาในเรื่องใดให้ลูกค้าได้บ้างนั่นเอง
แต่การจะไปพูดถึงความสามารถแบบโต่ง ๆ ก็อาจจะดูซ้ำจำเจไปเสียหน่อย เพราะในตลาดไม่ได้มีร้านค้าแค่ร้านเดียว แต่ยังมีคู่แข่งที่สื่อสารออกไปแบบเดียวกัน ฉะนั้นเราจึงต้อง “หาจุดขายที่แตกต่างจากคู่แข่งให้ได้!”
หาจุดขาย สร้างความครีเอทีฟ ด้วย 7+1 Ps Marketing Mix
ในการหาจุดขายให้กับสินค้า พี่เอ็ดก็ได้แนะนำกลยุทธ์ในการคิดวิเคราะห์ที่นักการตลาดหลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดีอย่าง 7Ps Marketing Mix ส่วนผสมทางการตลาดที่จะทำให้เรารู้ว่าจุดเด่น/จุดแข็งของสินค้าคืออะไร จนกลายมาเป็นจุดขายให้กับร้านค้า สร้างความเป็น Uniqueness ให้กับแบรนด์ พร้อมทั้งยังเพิ่มอีก 1 ส่วนผสมพิเศษที่พี่เอ็ดแนะนำมาว่า น่าสนใจมากในยุคนี้
วิเคราะห์ 7+1 Ps หาจุดขายให้ร้านค้าออนไลน์
- Product – ลองดูว่าสินค้าของเราพิเศษอย่างไร, ส่วนผสมอะไรที่ดีว่าคู่แข่ง, หรือมีความแตกต่างอย่างไรที่สามารถดึงออกมาสื่อสารได้บ้าง
- Price – ส่วนนี้แนะนำให้พิจารณาตามต้นทุน เพราะในบางตลาด ถ้าเลือกลงแข่งด้วยราคาอาจได้ไม่คุ้มเสีย
- Place – มองหาสถานที่ที่เหมาะสมกับสินค้าของเรา และเป็นสถานที่ที่คนจะต้องการซื้อสินค้าประเภทนี้ แต่สำหรับออนไลน์ ไม่ว่าช่องทางไหนก็เป็นโอกาสให้กับทุกร้านค้าได้ทั้งนั้นนะ
- Promotion – จัดโปรโมชั่นให้ดี ดึงดูดใจลูกค้า ซึ่งถ้าโปรโมชั่นของเราเด็ดจริง ลูกค้าจะช่วยกระจายข่าวให้เราเอง
- People – เทรนพนักงานให้กลายเป็นอับดุล เอ้ย! ลูกค้าถามอะไรก็ต้องตอบให้ได้ และช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าแบบทันท่วงที ยกตัวอย่างร้านเสื้อผ้า Uniqlo ที่ไม่ว่าพนักงานจะทำงานอะไรอยู่ หากลูกค้าถามหาสินค้า เขาก็พร้อมที่วางมือจากงานตรงหน้า และพาลูกค้าไปยังจุดหมายทันที
- Process – จัดสรรการเข้าถึงสินค้าให้ง่าย และทำความเข้าใจพฤติกรรม/ความต้องการของลูกค้า ตัวอย่างเช่น MK สุกี้ ที่เป็นเจ้าแรกในการนำน้ำร้อนมาเติมให้ลูกค้า เพราะเข้าใจลูกค้าว่าไม่อยากใช้เวลารอน้ำเดือดนานเกินไป
- Physical Evidence – บรรยากาศโดยรวม ต้องดูดี หากเป็นหน้าร้าน พนักงานก็ต้องแต่งตัวดี, ร้านตกแต่งน่านั่ง และถ้าเป็นออนไลน์ หน้าเว็บก็ต้องสวยดึงดูด UX/UI ใช้งานง่าย
- Personality – สุดท้ายกับส่วนผสมพิเศษที่เพิ่มเติมมาโดยพี่เอ็ด คือการทำให้แบรนด์มีชีวิตขึ้นมา สื่อสารแบบมนุษย์ไม่ใช่ System เช่น การมีมาสคอตประจำร้าน อย่างบาบิก้อน, เคเอฟซี หรือ บัสเก็ตบอย (แวะขายของซะหน่อย ><) หรือการพูดคุยกับลูกค้าโดยการใช้พนักงานจริง ๆ ให้ลูกค้ารู้สึกว่า เขาสามารถจับต้องร้านค้าหรือแบรนด์ของเราได้ แถมการทำแบบนี้ยังช่วยให้ลูกค้ารู้สึกไว้วางใจได้ร้านค้ามากขึ้นด้วย
ฝากไว้ให้คิด
ครีเอทีฟ ไม่ใช่แค่ทำโฆษณาให้ตลกหรือน่าสนใจ แต่มันต้องแก้ปัญหาให้กับอะไรสักอย่าง ซึ่งสำหรับแบรนด์ปัญหาที่ว่านั้น คือ เราจะขายสินค้าชิ้นนี้ได้ยังไง – พี่เอ็ด 7 วิ
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับความรู้จาก Creative Mindset ของพี่เอ็ด 7 วิ ที่เรานำมาฝากกันในครั้งนี้ คงจะได้แนวทางนำไปวิเคราะห์จุดเด่นของสินค้า เพื่อนำมาต่อยอดทำการสื่อสาร ทำคอนเทนต์ดี ๆ กันได้เยอะมากเลยใช่ไหมคะ สำหรับเรื่องราวของคอนเทนต์ดี ๆ จากงาน Digital SME Conference Thailand 2023 ยังไม่จบ ครั้งหน้า Dekluan จะหยิบเรื่องอะไรมาเล่าสู่กันฟังอีก อย่าลืมติดตามกันนะคะ
Source Photo : Digital SME Conference Thailand 2023 by Digital Tips