ในยุคที่การตลาดออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญ แต่ละร้านค้าต้องมองหาเทคเนิคในการสร้างโอกาสขายสินค้าให้กับตัวเอง เช่นเดียวกับร้านค้า The Highlight Shop ที่ได้ใช้เทคนิคและเครื่องมือออนไลน์ เพิ่มโอกาสในการดึงดูดและรักษาลูกค้า มาดูกันสิว่าแต่ละร้านจะใช้กลยุทธ์อะไรเพื่อพลิกเกมการตลาดและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ใช่ ไปติดตามพร้อมกันค่ะ
Omocha Zakka – เข้าถึงลูกค้าทุกช่องทางเพิ่มโอกาสดันยอดขาย
เริ่มกันที่ร้าน Omocha Zakka ที่ใช้กลยุทธ์การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทุกพื้นที่ผ่านการใช้หลายช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่าง ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการดึงดูดลูกค้าและดันยอดขาย นอกจากนี้ Omocha Zakka ยังเน้นการสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งที่น่ารักและเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งตอบโจทย์ลูกค้าที่ชอบสินค้าตกแต่งบ้านสไตล์ญี่ปุ่น
ไร่ลุงท๊อป – สร้างคอนเทนต์โดนใจสินค้าเกษตรยุคใหม่
ร้าน Railungtop Farmshop มุ่งเน้นการสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจและตรงใจลูกค้า โดยใช้เรื่องราวการปลูกพืชและผลิตสินค้าจากฟาร์มมาเป็นจุดขาย ทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า ทั้งนี้ การใช้คอนเทนต์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น บทความ, วิดีโอ และภาพถ่ายที่แสดงถึงกระบวนการผลิตสินค้าจากฟาร์ม ยังช่วยสร้างความเชื่อมโยงระหว่างลูกค้ากับร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
DPLUS SHOP – พลิกเกมตลาดหนังสือด้วยเครื่องมือออนไลน์
สุดท้ายกับร้าน DPLUS SHOP ที่ใช้เครื่องมือออนไลน์ เพิ่มโอกาสในการขายหนังสือในยุคที่สื่อออนไลน์มีอิทธิพลกับพฤติกรรมลูกค้า โดยนำเสนอหนังสือในหมวดหมู่ต่าง ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย และอีเมลมาร์เก็ตติ้ง เพื่อเข้าถึงนักอ่านที่สนใจในเนื้อหาต่าง ๆ นอกจากนี้ DPLUS SHOP ยังใช้เทคโนโลยีในการปรับปรุงกระบวนการซื้อขายและการบริการ เช่น ระบบการชำระเงินที่สะดวกและรวดเร็ว ทำให้นักอ่านรู้สึกสะดวกสบายในการซื้อหนังสือมากยิ่งขึ้น
เจาะกลยุทธ์พิชิตใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ทั้ง 3 ได้เลือกใช้กลยุทธ์การตลาดที่สอดคล้องกัน ทั้งการสร้างเอกลักษณ์ของร้าน การใช้เรื่องราว (Storytelling) และการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดี เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ
- สร้างเอกลักษณ์ของร้าน: ร้านค้าแต่ละร้านมีการเน้นจุดเด่นและความแตกต่างของสินค้าตัวเอง เช่น Omocha Zakka เน้นความน่ารักและสไตล์ญี่ปุ่น, Railungtop Farmshop เน้นสินค้าสดใหม่จากฟาร์ม และ DPLUS SHOP เน้นหมวดหมู่หนังสือที่หลากหลาย ทั้งคอมพิวเตอร์ ไอที การตลาดออนไลน์ หรืองานฝึกฝีมือ เป็นต้น
- การใช้เรื่องราวทำการตลาด: ทางร้านมีการเล่าเรื่องราวที่มาและความพิเศษของสินค้าตัวเองเพื่อสร้างความเชื่อมโยงกับลูกค้า เช่น Omocha Zakka เน้นเล่าเรื่องความเป็นมาของสินค้า วัสดุอุปกรณ์ เพื่อให้ลูกค้าจินตนาการถึงภาพสินค้าได้ชัดมากยิ่งขึ้น หรือร้าน Railungtop Farmshop เน้นเล่าเรื่องประโยชน์ของแต่ละเมล็ดพันธุ์ เพื่อให้ลูกค้ามองเห็นถึงประโยชน์และอยากซื้อสินค้าไปใช้งานบ้าง
- การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า: เช่น การจัดร้านและใช้บรรจุภัณฑ์สไตล์ญี่ปุ่นของ Omocha Zakka, การจัดทำคอนเทนต์ในช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นบรรยากาศและความเป็นธรรมชาติของ Railungtop Farmshop และการใช้เทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุงกระบวนการซื้อขายของ DPLUS SHOP
กลยุทธ์ที่แตกต่างกันของทั้ง 3 ร้าน
ถึงแม้ว่าจะมีหลายกลยุทธ์ที่ใกล้เคียงกัน แต่ทั้ง 3 ร้านก็มีความแตกต่างในการเลือกใช้กลยุทธ์ เพื่อเพิ่มโอกาสขายตามประเภทสินค้าและความถนัดของทางร้าน:
- Omocha Zakka:
- เน้นการใช้หลายช่องทางออนไลน์เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทุกพื้นที่
- สร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งที่น่ารักและเป็นเอกลักษณ์
- Railungtop Farmshop:
- มุ่งเน้นการสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจและตรงใจลูกค้าที่ต้องการสินค้าเพื่อการเกษตร
- ใช้เรื่องราวการปลูกและผลิตสินค้าจากฟาร์ม สร้างความเชื่อมโยงระหว่างลูกค้ากับร้านค้า
- DPLUS SHOP:
- ใช้เครื่องมือออนไลน์ในการขายหนังสือ, ให้บริการลูกค้า และเพิ่มตัวเลือกการชำระเงินให้สะดวก เร็วรวด และเหมาะสมกับพฤติกรรมลูกค้าในปัจจุบัน
การใช้เทคนิคเหล่านี้จากร้านค้าทั้ง 3 ร้าน แสดงให้เห็นว่า การปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีและการใช้เครื่องมือออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ใช่และดันยอดขายได้อย่างมากเลยทีเดียวล่ะค่ะ
และนี่ก็คือกลยุทธ์ที่ทั้ง 3 ร้านค้าใช้เพื่อพลิกเกมการตลาดและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของตัวเอง หวังว่าเทคนิคการขายของร้านค้า The Highlight Shop ทั้ง 3 ร้านนี้ จะเป็นประโยชน์กับทุกคน และช่วยให้คุณสามารถนำข้อมูลไปปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพนะคะ
อ่านบทความแชร์แนวคิดการขายของออนไลน์ของทั้ง 3 ร้านค้าได้ที่นี่