ไม่ต้องลุ้นแล้วว่าตำแหน่งมหาอำนาจในโลกอี-คอมเมิร์ซจะมีใครมาแซงหน้าสหรัฐ นั่นก็คือ จีนแผ่นดินใหญ่นั่นเอง เพราะจำนวนประชากรที่มากที่สุดในโลก จึงส่งผลให้นักช้อปออนไลน์มากตามไปด้วยสถิติล่าสุดจากสำนักวิจัยของจีนอย่าง iResearch พบว่า ยอดนักช้อปออนไลน์จีนในปัจจุบันมีมากกว่า 240 ล้านคน (เกือบ 4 เท่าของประชากรของประเทศไทย) และในแต่ละวินาที มีเม็ดเงินทุ่มไปในการช้อปออนไลน์ถึง 120,000 บาทเลยทีเดียว
ดังนั้นโอกาสนี้เราจะพาคุณมารู้จักกับ 10 สุดยอดเว็บอี-คอมเมิร์ซแบบภาคธุรกิจขายให้ผู้บริโภค หรือ B2C ของจีนแผ่นดินใหญ่กัน
1. Tmall.com
เว็บน้องใหม่ที่แตกตัวมาจากเถาเป่า (taobao.com) ซึ่งเคลมว่าทุกร้านค้าที่นี่มีร้านค้าจริงในโลกออฟไลน์ มีการเก็บค่าบริการหลายหมื่นต่อปีเพื่อให้ระบบของเว็บในการอัปสินค้าขึ้นขายบนเว็บ ซึ่งเปิดมาไม่กี่ปีก็สามารถกินตลาดไปได้ถึง 50.7% ตอนนี้ไม่ว่าแบรนด์ใหญ่ระดับโลกแค่ไหนก็เข้าหาลูกค้าจีนด้วยการเปิดหน้าเว็บกับ Tmall กันทั้งสิ้น ทั้งเบนซ์ ไนกี้ ชาแนล ฯลฯ
2. Jingdong (Jd.com)
เพิ่งเปลี่ยนชื่อเว็บให้สั้นลงมาเป็น jd.com จำง่าย เพื่อเน้นขายสินค้าตั้งแต่อาหารสด ของในซุปเปอร์มาร์เก็ต รวมไปถึงเสื้อผ้าอาภรณ์ต่างๆ จุดเด่นคือ การส่งในเมืองใหญ่ๆ อย่างปักกิ่งภายใน 100 นาที (ในกรณีอาหารสด)
3. Tencent (wanggou.com)
บริษัทอินเตอร์เน็ตในตำนานที่ทำทุกอย่างที่ควรจะทำ ไม่ว่าจะเป็นการโคลนนิ่ง MSN, twitter, facebook, instagram ส่วนเว็บขายของตัวเองก็ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคพอสมควร กินตลาดไป 5.6% แต่ก็ถือว่ายังไม่สามารถฉีกตัวให้ต่างจากคู่แข่งรายอื่นได้
4. Suning (suning.com)
เจ้าของธุรกิจร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในจีนที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 1990 มีสาขากว่า 900 สาขาทั่วจีนแผ่นดินใหญ่ ปรับตัวทันโลกอี-คอมเมิร์ซมาเปิดเว็บไซต์ชื่อเดียวกัน แต่นอกจากจะขายเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้ว วันนี้ยังมีของสดอย่างปู เสื้อผ้า เครื่องประดับให้เลือกช้อปกันด้วย
5. Amazon.cn
น้อยคนที่จะรู้ว่าก่อนที่จะมาเป็น amazon.cn นั้นเว็บนี้มีชื่อว่า joyo.com เป็นเว็บขายหนังสือออนไลน์เว็บแรกๆ ของจีน ซึ่งมีผู้ก่อตั้งคือ “เหลย จุน” ที่วันนี้มาดังในโลกสมาร์ทโฟนเพราะสร้างมือถือแอนดรอยด์โลว์คอร์สในนามว่า “เสี่ยวหมี่” นั่นเอง โดย Joyo ถูกซื้อไปโดย Amazon อเมริกาและเปลี่ยนชื่อเป็น amazon.cn ในปี 2004 ซึ่งรูปแบบการจัดเว็บและสินค้าที่ขายก็แทบไม่ต่างจากฝั่งอเมริกา เพราะมีทั้งเครื่องอ่าน E-Book และหนังสือภาษาจีนให้เลือกช้อปมากมาย
6. Vipshop.com
เว็บนี้เติบโตพร้อมกับสัดส่วนของชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในจีนแผ่นดินใหญ่ โดยสินค้าในเว็บทุกชิ้นการันตีว่าแบรนด์ของแท้จากแบรนด์ดังที่กล้านำมาขายในราคาถูกกว่าท้องตลาด ซึ่งถือเป็นเว็บอันดับต้นๆ ของสาวออฟฟิศในจีนเลยทีเดียว
7. Gome.com.cn
โกมี่ เป็นคู่แข่งของ Suning ที่มีร้านค้าปลีกขายเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ไอทีอยู่ทั่วจีนกว่า 1,400 สาขา ก็มีหน้าร้านของตัวเองทั้งทาง gome.com.cn และทาง tmall กับ gome.tmall.com ด้วย นอกจาก gadget แล้ว ทางเว็บก็ยังขายสินค้าอุปโภคบริโภคด้วย
8. Dangdang.com
ตังตัง หรืออีกหนึ่งเว็บขายหนังสือในตำนานของจีน ที่มีผู้ก่อตั้งเป็นสตรี สามารถผลักดันตัวเองเข้าสู่ตลาดหุ้นแนสแด็กในอเมริกาได้ ซึ่งวันนี้ตังตังได้ขายเว็บของตัวเองเพื่อไปขายสินค้าอีกสารพัดหมวด รวมถึงการเปิดหน้าร้านที่ Tmall เพื่อหาลูกค้าใหม่อีกช่องทางนึงด้วย
9. yihaodian.com
อี้เฮ้าเตี้ยน เว็บที่ดังจากการทำซุปเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ และบนมือถือด้วยระบบ Augmented Reality และการสแกน QRcode เพื่อช้อปปิ้งสินค้าจากป้ายโฆษณาในรถไฟฟ้า จุดเด่นของ อี้เฮ้าเตี้ยน คือ การได้พันธมิตรอย่างวอล์มาร์ท (วอล์มาร์ทมาถือหุ้น) ทำให้มีสินค้าให้เลือกเยอะ และเน้นการส่งสินค้ารวดเร็ว และโดยเฉพาะกับข่าวอาหารพิษในจีนทำให้ตลาดซุปเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีอี้เฮ้าเตี้ยนเป็นตัวเลือกระดับต้นๆ
10 vancl.com
แวงเคิล เว็บขายเสื้อผ้าและของใช้ในบ้านที่เน้นดีไซน์เรียบๆ ไร้แบรนด์แบบยูนิโคลและมูจิผสมกัน แต่สิ่งที่ต่างจากแบรนด์ญี่ปุ่น 2 แบรนด์ก็คือ ราคามหาถูก เพราะทางเว็บออกแบบ สั่งผลิต และขายเองทั้งหมด
ถึงตอนนี้เชื่อว่าท่านผู้อ่านหลายคนคงได้คุ้นเคยกับตลาดอี-คอมเมิร์ซจีนกันมากยิ่งขึ้น สิ่งหนึ่งที่เรารู้ได้แน่ก็คือ ไม่ว่าฝั่งตะวันตกมีเทรนด์อะไร ที่จีนก็เช่นกัน เพียงแต่บรรยากาศของตลาดนั้นคึกคักกว่าด้วยทั้งมีผู้ซื้อมากมาย และสินค้าที่มีหลายเกรดให้เลือกช้อปจนลายตานั่นเอง