ช่วงนี้ตามห้างดังและร้านค้านับสิบต่างพร้อมใจกันแขวนป้าย SALE กระหน่ำลดราคาสินค้าเอาใจผู้บริโภคกันแบบสุดๆ ตั้งแต่ 50% ไปจนถึง 90% ก็มี ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแบรนด์ดังจากห้างใหญ่ ร้านค้าธรรมดาไร้แบรนด์แต่ดูโดดเด่น หรือแม้กระทั่งร้านออนไลน์ที่ขายสินค้าตามเว็บไซต์ เรียกได้ว่าเป็นมหกรรมลดราคาสินค้าที่ครื้นเครงอย่างสนุกสนาน วันนี้เราเลยขอเอาเคล็ดลับดีๆ ในการเลือกซื้อของ SALE มาฝากขาช็อปชาว Lnw กันคะ ว่าควรมีเทคนิคในการเลือกซื้อสินค้าอย่างไรให้คุ้มค่ากับคำว่า “SALE”

หากสภาพหลังการช็อปปิงของคุณทุกครั้งคือความสุขในการเดินเลือกซื้อสิ่งโน้น หยิบจับสิ่งนี้ แต่พอมาเปิดกระเป๋าสตางค์ที่ถืออยู่ในมือปรากฎว่ากระเป๋าแฟ้บเพราะเงินเกือบหมดทุกที คิดคำนวนไปมาก็อาจไม่คุ้มค่ากับสิ่งของที่ได้มาสักเท่าไร ฉะนั้นก่อนควักเงินจ่ายให้กับพ่อค้าแม่ค้าทุกครั้ง คุณต้องมีการวางแผนกับสินค้าลดราคาเหล่านี้ให้ดีเสียก่อน ไม่ใช่แค่เห็นป้ายว่าเป็นสินค้า SALE ก็ทำตาโต มือไม้อ่อนให้กับป้ายลดราคาซะอย่างนั้น ทางออกที่ดีที่สุดคือหาวิธีรับมือกับสินค้าลดราคาเหล่านั้นอย่างมีสติ ซึ่งเราเอาเคล็ดลับดีๆ มาฝากกันค่ะ

เคล็ด(ไม่)ลับ ในการรับมือกับสินค้าลดราคา

– อันดับแรกคุณต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนก่อนว่าต้องการอะไร ซึ่งวิธีที่ทำได้ง่ายสุดคือการจดรายการ  ว่าสิ่งของที่เราต้องการซื้อนั้นเป็นการซื้อให้ตัวเอง หรือเพื่อเป็นของขวัญให้แก่คนพิเศษ ซึ่งนอกจากจะทำให้คุณไม่เสียเวลาในการเดินหาซื้ออย่างไม่มีจุดหมายแล้ว ยังช่วยคำนวณงบประมาณเบื้องต้นได้อีกด้วย

– ข้อดีของการตั้งงบประมาณในการซื้อนั้น จะทำให้คุณใช้เงินในขอบเขตที่กำหนด ไม่เผลอใช้เงินเกินตัวหรือเกินความจำเป็น แต่หากสินค้าชิ้นนั้นเป็นสิ่งที่อยากได้มากๆ คุณอาจรอให้ถึงเวลาปิดป้าย SALE สินค้ามากกว่านี้อีกสักหน่อย หรือไม่คุณลองตัดรายการสินค้าอื่นดู แต่ในกรณีที่คุณซื้อเพื่อเป็นของขวัญให้กับคนอื่นนั้น ลองเปลี่ยนแนวความคิดจากการซื้อทีละอันมาเป็นการซื้อแบบยกโหล ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยประหยัดได้ดีคะ

– ของ SALE หรือสินค้าที่ลดราคามากๆ แน่นอนว่าใครๆ ก็ชอบแต่ต้องเลือกให้ดีสัดนิด เพราะส่วนมากมักจะเป็นสินค้าที่มีตำหนิ ตกรุ่น หรือขายไม่ออก หากคุณเป็นคนไม่ใส่ใจเรื่องเทรนด์แฟชั่นก็คงไม่มีปัญหาในข้อนี้ แถมยังได้สินค้าระดับแบรนด์ดังในราคาคุ้มค่าอีกด้วย

– การซื้อของ SALE นั้นขอแนะนำว่าให้คุณไปซื้อเพียงครั้งเดียวและวันเดียวเท่านั้น เพราะถ้าหากคุณไปบ่อยครั้งมากเท่าไร กิเลสของป้าย SALE จะดึงดูดให้คุณเข้าไปเสียตังค์อย่างไม่รู้ตัว ซึ่งหากมานั่งนับรวมกันทีหลังอาจเป็นจำนวนเงินหลายบาท

– แม้สินค้าที่ปิดป้าย SALE จะมีมากถึง 50 – 90 % ก็ไม่ได้หมายความว่าราคาสินค้านั้นจะถูกเสมอไป หากราคาที่ลดแล้วยังแพงอยู่และคุณก็ไม่ได้มีความจำเป็นในการใช้เท่าที่ควร ก็อย่าเสียเงินไปกับมันของสิ่งนั้น

– สินค้าที่ปิดป้าย SALE กองรวมกันบนแผงและมีคนมุงนับสิบ ใช่ว่าจะคุ้มค่าแก่การซื้อเสมอไป เพราะสินค้าเหล่านี้คุณอาจซื้อด้วยความถูกของราคามากกว่าที่จะซื้อมาสวมใส่

– สินค้าที่ปิดประกาศว่าให้ซื้อหลายชิ้นคุณจะได้ในราคาที่ถูกกว่า บอกได้คำเดียวว่าอย่าหลงเชื่อเป็นอันขาด ให้คุณตั้งสติให้ดีเสียก่อน นั่งคิดคำนวณว่าหากเราซื้อมากชิ้นดังคำชวนเชื่อแล้วจะคุ้มจริงหรือไม่

– ก่อนนำสินค้าเหล่านั้นไปจ่ายเงิน ควรเช็คตำหนิให้ละเอียดถี่ถ้วนเสียก่อน ที่สำคัญสินค้าบางอย่างอาจไม่ได้มีการลดราคาจริง ทางที่ดีควรสอบถามราคาจากคนขายให้แน่ใจเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมานั่งหงุดหงิด เสียดายทีหลัง

– อย่าติดกับสินค้าแบรนด์ดังที่มีราคาแพง เพราะคุณอาจได้สินค้าธรรมดาทั่วไปในสภาพที่ดีและคุ้มค่าแก่การใช้งานมากกว่า

– ถึงจะปิดประกาศลดราคาล่อตาล่อใจมากแค่ไหน คุณต้องคิดให้ดีก่อนว่า หากซื้อมาแล้วจะสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันจริงหรือไม่

– ทุกครั้งที่คุณซื้อสินค้าเหล่านี้ควรมีสติ อย่าซื้อเวลาเหนื่อยเพราะคุณจะซื้อแบบไม่มีจุดหมายแน่นอน เช่น คุณกำลังช่างใจว่าจะซื้อเสื้อตัวที่ถืออยู่นี้ดีไหม แต่คุณดันเหลือบสายตาไปเห็นผู้หญิงที่ยืนข้างๆ กำลังเล็งเสื้อที่คุณถืออยู่ และด้วยความอยากเอาชนะคุณดันรีบเดินไปจ่างตังค์ซื้อเสื้อตัวนั้นด้วยความไม่ตั้งใจ พฤติกรรมเช่นนี้เชื่อว่าสาวๆ หลายคนต้องเคยเป็นและคุณก็จะเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์

เคล็บลับง่ายๆ แบบนี้ หวังว่าขาช็อปทั้งหลายคงไม่ยอมอ่อนข้อให้กับป้าย SALE ตัวโตสีแดง ที่ติดอยู่ตามร้านค้าต่างๆ กันอย่างแน่นอนใช่ไหมค่ะ (ว่าแต่เอ๊ะ!… ร้านโน้นลดราคากระเป๋าตั้ง 80% แหนะ รีบวิ่งไปดูก่อนและกันนะ) ^___^

ขอบคุณข้อมูลและภาพ : women,5yearproject, ladysquare

Leave a Reply