เนื่องจากอัตราการเติบโตในการใช้อินเทอร์เน็ตและการเพิ่มขึ้นของเว็บไซต์ทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในโลกสังคมออนไลน์ ทำให้นักธุรกิจหลายฝ่ายหันมาลงทุนทำธุรกิจบนอินเทอร์เน็ตมากขึ้น นอกจากต้นทุนจะถูกแล้ว ยังสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้รวดเร็วและครอบคลุมหลายพื้นที่ อีกทั้งยังไม่มีขีดจำกัดในเรื่องของเวลา สถานที่ด้วย

E-Commerce  คือ การทำธุรกิจการซื้อขายสินค้าบนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยที่ผู้ซื้อสามารถดู เลือกและสั่งซื้อสินค้าทั้งหมดได้ โดยผ่านระบบออนไลน์ของอินเทอร์เน็ต ผู้ขายเองก็เช่นกันสามารถนำเสนอสินค้า จัดโปรโมชัน อัพเดทข่าวสาร ตรวจสอบการสั่งจอง จัดการกับสินค้าทั้งหมดเหมือนมีร้านเป็นของตัวเองจริงๆ ซึ่งกระบวนการในการซื้อขายสินค้าบนอินเทอร์เน็ตมีขั้นตอนที่สำคัญ ดังนี้

ขั้นตอนในการซื้อขายสินค้าบนอินเทอร์เน็ตที่สำคัญ 5 ขั้นตอน

1. การค้นหาข้อมูล
ขั้นตอนแรกของการซื้อสินค้าบนระบบอินเทอร์เน็ต (E-Commerce) เป็นการค้นหาข้อมูลสินค้าที่ต้องการในแต่ละร้านค้า จากนั้นนำข้อมูลแต่ละร้านมาวิเคราะห์และเปรียบเทียบ เช่น เรื่องราคา, คุณภาพสินค้า เป็นต้น
2. การสั่งซื้อสินค้า
เมื่อลูกค้าเลือกสินค้าที่ต้องการแล้ว จะต้องนำรายการที่สั่งซื้อเข้าสู่ระบบตะกร้า เพื่อแสดงถึงความต้องการในการซื้อสินค้าชิ้นนั้น และคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมด  โดยลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนรายการและปริมาณที่สั่งได้
3. การชำระเงิน
เมื่อลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าที่ต้องการแล้ว ให้กำหนดรูปแบบการจัดส่งสินค้า ว่าจะให้ผู้ขายจัดส่งอย่างไร ซึ่งค่าจัดส่งนี้จะถูกรวมกับค่าสินค้าที่ลูกค้าสั่งซื้อ
4. การส่งมอบสินค้า
เมื่อลูกค้ากำหนดวิธีการชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ให้โอนเงินเข้าบัญชีที่ได้ระบุไว้และแจ้งให้ผู้ขายทราบทันที จากนั้นผู้ขายจะทำการส่งสินค้าในรูปแบบที่ผู้ซื้อได้ระบุไว้
5. การให้บริการหลังการขาย
หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการซื้อขายบนอิเนทอร์เน็ตแล้ว ร้านค้าต้องมีบริการหลังการขายให้กับลูกค้า เพื่อเป็นการสอบถามความพึงพอใจในตัวของสินค้า ซึ่งอาจสื่อสารกันในรูปแบบอีเมล กระทู้ เป็นต้น

ข้อดีของการใช้ E – Commerce

  • การซื้อขายสินค้าแบบ Online สามารถตัดปัญหายุ่งยากในเรื่องของการต่อรองราคาและตัดปัญหาเกี่ยวกับนายหน้า เพราะมีเพียงแค่รหัสบัตรเครดิตที่เปิดบัญชีกับธนาคาร ท่านก็สามารถซื้อสินค้าผ่าน Internet ได้
  • ข้อมูลของลูกค้าจะถูกเก็บไว้ใน E-Mail บุคคลอื่นไม่สามารถเปิดอ่านได้นอกจากผู้จัดจำหน่ายเท่านั้น
  • เพิ่มมูลค่าและปริมาณทางการค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ ลดต้นทุน และเปิดโอกาสให้ผู้ขายขนาดกลางและขนาดเล็ก มีโอกาสเข้าสู่ตลาดได้มากขึ้นขณะเดียวกันผู้บริโภคก็มีทางเลือกมากขึ้นด้วย
  • ผู้ซื้อสามารถค้นหาข้อมูลหรือข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าและบริการต่างๆทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปถึงร้านค้า หรือผ่านพ่อค้าคนกลาง
  • ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการกับผู้ซื้อรายอื่น หรือมีโอกาสสัมผัสกับสินค้าหรือบริการก่อนการตัดสินใจซื้อ เช่น ฟังตัวอย่างเพลง อ่านเรื่องย่อของหนังสือ หรือชมบางส่วนของ VDO ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ทำให้ผู้ซื้อมีข้อมูลในการตัดสินใจเพิ่มมากขึ้น ในกรณีที่เป็นการสั่งซื้อแบบ Digital Form จะสามารถส่งข้อมูลผ่าน Internet ได้ทันที
  • ผู้ขายสามารถโฆษณาขายสินค้าหรือบริการไปยังลูกค้าทั่วโลกได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการโฆษณา การจัดตั้งร้านค้า การจัดตกแต่งสถานที่ ค่าใช้จ่ายการจัดเก็บสินค้าการกระจายสินค้า และยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ ได้อีกด้วย

เห็นไหมค่ะว่าข้อดีของการทำธุรกิจแบบ E – Commerce นอกจากจะง่ายและสะดวกแล้ว ยังช่วยคุณประหยัดในเรื่องของค่าใช้จ่ายบางส่วนได้อีกด้วย ถ้าใครที่สนใจหรือมีความคิดที่จะเริ่มทำธุรกิจลักษณะนี้ อย่าลืมแวะมาติดตามสาระดีๆ เกี่ยวกับ E – Commerce ได้ในครั้งต่อไปคะ

ขอบคุณขอมูลจาก : E-commerce

 

Leave a Reply